จอม เพชรประดับ โพสต์ ผมผิดหวังมาก ๆ เหมือนตัวเองถูกหลอก

          จอม เพชรประดับ โพสต์ ผมผิดหวังมาก ๆ เหมือนตัวเองถูกหลอก พร้อมต้อนรับยิ่งลักษณ์ สมาชิกใหม่ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองในต่างประเทศ

          เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2560 เฟซบุ๊ก Jom Petchpradab ของจอม เพชรประดับ นักสื่อสารมวลชนชื่อดัง ได้มีการเขียนข้อความเกี่ยวกับเรื่องที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เดินทางมาศาลเพื่อฟังคำตัดสินคดีจำนำข้าว เนื่องจากป่วยเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน มีข้อความทั้งหมด ดังนี้

          "ผมผิดหวังมาก ๆ ครับรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอก"

          ผมรู้สึกเช่นนี้จริง ๆ ถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกเช่นนี้ ...

          คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากมั้งครับว่า เพราะเหตุใด "คุณยิ่งลักษณ์-พรรคเพื่อไทย" จึงเป็นเพียงความหวังเดียวของผม ที่หวังจะให้เป็นธงนำ เรียกร้องต่อสู้เพื่อความเป็นประชาธิปไตยและนำความถูกต้องเป็นธรรมสู่สังคมไทย

          ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมรู้สึกเป็นเกียรติได้ร่วมรบ ร่วมต่อสู้กับพวกเขาในสนามรบที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายและป่าเถื่อนนี้

          แต่ถึง นาทีนี้...ขอสารภาพเลยครับว่า ผมอยู่กับอุดมคติ ติดกับหลักการของการต่อสู้มากเกินไป ผมไม่เคยคิดว่าเผด็จการแห่งตุลาการภิวัฒน์ไทย จะโหดร้าย อำมหิตได้ถึงขนาดนี้

          คำตัดสิน คุณบุญทรง เตริยาภิรมย์ และพวก ที่รุนแรงพอ ๆ ไม่ต่างกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทั้งที่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่มีข้อกังขากันทั้งโลก

          ทำให้เข้าใจการตัดสินใจของ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นอย่างดีครับว่า ทำไมเธอถึงเลือกที่จะหนี ที่ผ่านมา เธอได้แบกรับภาวะความคาดหวังจากมวลชน ผู้รักประชาธิปไตยเป็นจำนวนมาก อีกทั้งต้องดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างแสนสาหัส เกินกว่าที่คนอย่างผมจะรับรู้และเข้าใจได้

          ใช่ครับ ผมก็..หนี.. แต่เงื่อนไขการหนีของผม ไม่ได้อยู่บนความคาดหวังของใคร ...

          ก็ขอแสดงยินดีกับคุณยิ่งลักษณ์ ที่จะได้มีโอกาสสัมผัสกับอิสรภาพของการใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป

          ขอขอบคุณกับการที่ได้อดทน อดกลั้น ต่อสู้อย่างหนักแน่นเด็ดเดี่ยว และยอมแบกรับภาระอันหนักอึ้งของพวกเรามาช่วงระยะเวลาหนึ่ง

          และขอต้อนรับสมาชิกใหม่ "ผู้ลี้ภัยการเมือง" ในต่างประเทศ

          ต้องขอโทษ ขออภัย สำหรับมวลมิตรผู้รักประชาธิปไตย และคนเสื้อแดงทั้งหลายที่ได้โพสต์ข้อความทำร้าย ทำลายความรู้สึก... อย่างที่บอกแล้ว ผมรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ

          ถามว่า นับจากนี้จะสู้กันต่อไปอย่างไร ยังมีความหวังที่จะสู้อยู่ต่อไปอีกหรือไม่

          เหตุการณ์ครั้งนี้สอนให้ผมรู้ว่า อย่าสู้บนหลักการ หรืออยู่กับอุดมคติจนเกินไป โดยเฉพาะการต่อสู้กับเผด็จการอำมาตย์ที่อำมหิตและป่าเถื่อน

          สู้ด้วยพลังกายและพลังใจ เท่าที่ตัวของเราเอง จะทำได้....

          อย่าท้อแท้ และสิ้นหวังนะครับ.. เพราะทุกการต่อสู้ขึ้นอยู่กับความอดทนและความหวัง

          อย่างน้อยแต่ผมคิดว่าสำคัญคือ "หวังและคอยเติมพลังให้กับตัวเอง" ครับ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Jom Petchpradab