ภาพจาก TOBIAS SCHWARZ / AFP
นางอังเกลา แมร์เคิล ครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนี สมัยที่ 4 ขณะที่ด้านพรรคร่วมรัฐบาลผิดหวัง เตรียมหันไปเป็นฝ่ายค้าน ส่วนพรรคชาตินิยมต่อต้านผู้ลี้ภัยมาแรง ได้มีที่นั่งในรัฐสภาเป็นครั้งแรก
วันที่ 25 กันยายน 2560 สำนักข่าวบีบีซี มีรายงานว่า นางอังเกลา แมร์เคิล ชนะการเลือกตั้ง ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีเป็นสมัยที่ 4 หลังจากพรรคอนุรักษนิยม (ซีดียู/ซีเอสยู) ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดที่ร้อยละ 33.5 สามารถรักษาเก้าอี้ส่วนใหญ่ในสภาเอาไว้ได้ แต่ทั้งนี้ก็นับว่าเป็นผลการเลือกตั้งที่แย่ที่สุดของพรรคในรอบ 70 ปี
ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่ พรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย (เอสพีดี) ที่นำโดยมาร์ติน ชูลซ์ ตามมาเป็นอันดับ 2 ได้รับคะแนนเสียงไปร้อยละ 21 และเช่นเดียวกัน เป็นผลการเลือกตั้งที่แย่ที่สุดของพรรคตั้งแต่ปี พ.ศ. 2492 โดยมาร์ติน เผยว่า ผิดหวังที่ผลการเลือกตั้งที่ออกมาในครั้งนี้ไม่ถึงเป้าที่กำหนดไว้ ส่งผลให้ถึงจุดสิ้นสุดที่พรรคเอสพีดีจะร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคซีดียู โดยจะเลือกไปเป็นฝ่ายค้านแทน
ขณะที่พรรคชาตินิยม (เอเอฟดี) พรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดที่ชูนโยบายต่อต้านผู้ลี้ภัย มาแรง ตามมาเป็นอันดับที่ 3 ได้รับคะแนนเสียงไปถึงร้อยละ 13 ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่พรรคเอเอฟดีได้มีที่นั่งในรัฐสภา ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โดยผลที่ออกมานี้ สะท้อนให้เห็นถึงกระแสต่อต้านผู้ลี้ภัยในเยอรมนีที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยนางอังเกลา แมร์เคิล ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีมานานถึง 12 ปี ได้กล่าวต่อกลุ่มผู้สนับสนุนว่า คาดหวังที่จะได้รับผลโหวตที่ดีขึ้นกว่านี้ ทั้งนี้ได้กล่าวเสริมว่า จะรับฟังปัญหาและความวิตกกังวลของประชาชน ที่หันไปลงคะแนนเสียงให้กับพรรคเอเอฟดีให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้คะแนนเสียงจากกลุ่มนี้กลับคืนมา โดยรัฐบาลจะจัดการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ รวมไปถึงต้นตอของปัญหาผู้ลี้ภัย หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้พรรคเอเอฟดีได้รับคะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้