อาจารย์อ้อย อัจฉราวดี วงศ์สกล เจ้าสำนักเตโชวิปัสสนา เตรียมฟ้องอดีตลูกศิษย์ บิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย จนทำให้เสื่อมเสีย
จากกรณีดราม่า อาจารย์อ้อย อัจฉราวดี วงศ์สกล เจ้าสำนักเตโชวิปัสสนา และประธานมูลนิธิโนอิ้ง บุดด้า ที่กำลังเป็นประเด็นถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้ ถึงหลักการสอน การปฏิบัติ ว่าอาจขัดกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา และมีภาพที่พระสงฆ์ยกมือไหว้ ซึ่งได้มีการชี้แจงว่า ถูกบิดเบือนข้อมูล จ้องทำลาย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านเพิ่มเติม : วิจารณ์ อ.อ้อย สอนนิพพาน แต่ไม่ปลงผม-ไม่เข้าวัด แจงถูกกลุ่มอลัชชีจ้องทำลาย)
สำหรับประเด็นที่มีคนกล่าวหาว่า ตนบอกไม่ให้คนไปวัด สร้างกระแสลดคุณค่าของพระและวัด ยืนยันว่าตนไม่เคยพูดในลักษณะนั้น ตนเองก็ยังไปวัด แต่ว่าเลือกไปเฉพาะวัดที่มีพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่ใช่วัดที่มอมเมาประชาชน ผู้ที่ทำลายคุณค่าของวัดคือพระสงฆ์ที่ปฏิบัติตนไม่เหมาะสมต่างหาก
ส่วนประเด็นเรื่องการอวดอุตริ อ.อ้อย เผยว่า ฆราวาสสามารถบรรลุธรรมได้จริง มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ที่ตนฝึกปฏิบัติธรรมจนมีจิตสามารถสื่อสารกับ สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี เป็นเรื่องของการวิปัสสนา หากมีจิตบริสุทธิ์พอก็สามารถทำได้ แต่คนไม่ได้ปฏิบัติจะไม่เชื่อ เพราะไม่เคยสัมผัส
ในส่วนของเงินบริจาค อ.อ้อย ชี้แจงว่า มีมูลนิธิ Knowing Buddha และ รร.แห่งชีวิต ที่ดำเนินงานในรูปแบบมูลนิธิ รายได้ส่วนใหญ่จึงมาจากการบริจาคของลูกศิษย์ และเคยมีการเปิดประมูลภาพถ่ายพระพุทธรูปและกระเป๋าจริง เมื่อปี 2559 เพราะมีลูกศิษย์อยากได้ไปบูชาเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ซึ่งเงินที่ได้มากว่า 21 ล้านบาท รวมถึงรายได้ของมูลนิธิ ก็ได้ใช้เป็นค่าป้ายโฆษณา รณรงค์ปกป้องพระพุทธศาสนาทั่วประเทศ เป็นค่าจัดพิมพ์นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ซึ่งในปี 2560 ทางมูลนิธิก็มีค่าใช้จ่ายกว่า 22 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ตนไม่เคยเก็บเงินลูกศิษย์เพื่อเข้าปฏิบัติธรรม แต่เป็นการปลูกจิตสำนึกให้คนลดความตระหนี่ถี่เหนียว ทั้งนี้ทางมูลนิธิจะเดินหน้าฟ้องผู้ที่บิดเบือนกล่าวหาว่าตนเก็บเงินจากลูกศิษย์ด้วย โดยจะเริ่มรวบรวมพยานหลักฐานฟ้องร้องอดีตศิษย์เก่า 2 คน ที่นำข้อมูลมาบิดเบือนในโลกออนไลน์ ทำให้สำนักเตโชวิปัสสนาเสื่อมเสีย
ภาพจาก Thai PBS
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก