ถูกออกหมายจับเลยต้องสู้ แผน ลั่นพลิกคำให้การ ตามคำแนะนำของ ผบ.ตร. สอบสวนกลาง เจ๊เกียว ยันพยานทุกคนอยู่ข้างครูปรีชา แพไม่แตก
โหนกระแสวันที่ 13 มีนาคม 2561 ยังเกาะติดความคืบหน้าคดีหวย 30 ล้านอลเวง ล่าสุดมีพยานสำคัญซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เห็น ร.ต.ท. จรูญ วิมูล ก้มเก็บลอตเตอรี่ ก่อนต่อมากลับคำให้การ และยังโดนข้อหาฐานร่วมกันกระทำผิดกับครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่น ล่าสุดทางพยานท่านนี้ได้เดินทางไปร้องต่ออธิบดีศาล เพื่อให้คุ้มครองพยานหลังจากโดนออกหมายจับ ซึ่งรายการโหนกระแส ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.20 น. ทางช่อง 28 ได้เชิญตัวนายแผน ฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม ผู้ซึ่งอ้างว่าเห็นลุงจรูญก้มเก็บลอตเตอรี่ ร่วมด้วยคุณสุกิจ พูนศรีเกษม อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เจ๊เกียว แม่ค้าขายลอตเตอรี่ และ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายคลายทุกข์ มาร่วมเปิดอกเคลียร์กันในรายการ
สุกิจ : ผมไม่ทำหรอก ถ้าจะทำผมทำเหนือชั้นกว่านี้ ก็ให้เอ่ยชื่อมาสิครับ เอ่ยชื่อมาเลย กล้า ๆ หน่อย ใครที่บอกว่าผมอยู่เบื้องหลังก็ให้บอกมา กล้า ๆ หน่อย
ล่าสุดมีประเด็นว่าเขากำลังจะไปแจ้งความ ?
สุกิจ : จับใคร โว้ะ ขี้โม้ ขอให้ไปแจ้งคืนนี้เลย แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง
ของขึ้นแล้ว ?
สุกิจ : ก็อย่ามากล่าวหาผมสิ คุณเชิญผมมา อย่ามากล่าวหา ถ้าจะกล่าวหาผมต้องมีหลักฐาน ไม่งั้นนรกมีจริง
ถามคุณแผนก่อน เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น คุณเคยให้การกับภาค 7 ว่าเห็นลุงจรูญเก็บลอตเตอรี่ แล้วมีผู้หญิงยืนอยู่ข้าง ๆ ?
แผน : ตอนนั้นประมาณสิ้นเดือน คือวันที่ 31 ตุลาคม ผมเลิกงานไปรับลูกกลับบ้านแล้วไปตลาด ช่วงประมาณสี่โมงครึ่งถึงห้าโมงเย็น ผมก็ได้ไปซื้อของคือพริกแห้ง หอมอะไรพวกนี้ ผมกำลังก้มเลือกของอยู่ ซ้ายมือผมเป็นทางเดินแล้วมีผู้ชายผู้หญิงยืนอยู่ ตรงนั้นก็เป็นบริเวณตลาดนัด ห่างศาลพระพรหมไปประมาณ 20 เมตร ได้พูดว่าเอ๊ะ ลอตเตอรี่ใครหล่น 5 ใบ หวยยังไม่ออกด้วย เป็นเสียงผู้ชายพูด ผมเลยหันไปมอง ก็เป็นผู้ชายที่เป็นข่าว
คุณหมายถึงลุงจรูญ ?
แผน : ครับ มั่นใจ เห็นหน้าเขาชัด ๆ
ผู้หญิงคนนั้นล่ะ ?
แผน : มองไม่ชัดเจน มันมีเสียงเลยหันไปมอง มองไปไม่นานมาก จำได้แค่เสียงกับหน้าผู้ชาย
คิดว่าเป็นภรรยาลุงจรูญ ?
แผน : ไม่มั่นใจ แต่เตี้ยกว่าผู้ชาย
จำหน้าคุณจรูญได้ยังไง ?
แผน : คือตอนแรกพอผมเห็นวันนั้นมา ผมก็ไม่ทราบอะไร จนมีข่าวอายัดเงิน ผมได้เห็นหน้า ผมได้เจอเขา ซึ่งผมขับรถอยู่ที่สถาบันการเงิน เห็นเขาครั้งแรกก็จำได้ แต่ไม่ได้บอกใคร พอมีข่าวเกิดขึ้น ผมก็จำได้ว่าคือคนนั้น
ทำไมจำผู้หญิงไม่ได้ ?
แผน : พูดง่าย ๆ ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจ ไม่ใช่เรื่องของเรา แต่จำผู้ชายได้เพราะเน้นไปทางคนพูด ช่วงเวลามันไม่นาน เราไม่ได้จำอะไรได้มากมายขนาดนั้น แค่มองไป
คุณให้ปากคำแบบนี้กับภาค 7 ?
แผน : ครับ
หลังจากนั้น ตัวคุณเองถูกเรียกไปสอบปากคำอีกครั้งจากทางสอบสวนกลาง คุณเหมือนเปลี่ยนคำให้การ ดันพูดว่าคลับคล้ายคลับคลา ไม่มั่นใจ ?
แผน : ตรงนี้ผมได้รับสภาวะกดดันเยอะ แล้วก็ได้รับคำแนะนำจากท่านผู้บังคับการกองปราบฯ ว่าถ้าผมให้การตามเดิมเหมือนภาค 7 เป็นการให้การเท็จแน่นอน ผู้บังคับการกองปราบฯ เป็นคนพูด
ทีมงาน ตัวท่านหรือผู้การกองปราบฯ ?
แผน : ท่านฐิติราชเป็นคนพูด ถ้าดูตามข่าวก็เหมือนกับว่าเขาให้โอกาสพยาน เขาเหมือนให้ทางออกว่าถ้าผมบอกตรงนั้นมันจะไม่เป็นโทษกับผม แต่พอผมทำไปปุ๊บ กลับมาออกหมายจับผม
ว่าคุณให้การเท็จ ?
แผน : ครับ จากเดิมที่แก้ว่าเป็นคลับคล้ายคลับคลาเพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องโดนคดีทำนองนี้
คุณจะบอกว่าถูกสอบสวนกลางให้เปลี่ยนคำพูด ?
แผน : ครับ
คุณไม่ได้อยากพูดแบบนี้เองตั้งแต่แรก ?
แผน : ครับ
คุณอยากออกมาเรียกร้องอะไร ?
แผน : ก็พอออกมาแบบนี้แล้ว ก็ยังโดนออกหมายเรียก หมายจับ ผมก็เลยต้องออกมาต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม
เป็นไปได้ไหมว่าวันนี้คุณออกหมายจับ ก็ต้องกลับมาเปลี่ยนข้าง ?
แผน : ก็ในเมื่อท่านเป็นคนแนะนำผมมา แล้วมาออกหมายจับผม แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ
คุณเลยมีการทำหนังสือและมีการไปร้องขอให้ศาลไต่สวนคุ้มครองพยาน ?
แผน : ครับ
แบบนี้ถือว่าไปหมิ่นประมาททางท่านฐิติราชหรือเปล่า ?
สุกิจ : ในเนื้อหาที่พี่หนุ่มให้ผมดู เป็นข้อเท็จจริงและไม่ได้เป็นการหมิ่น และไม่ได้บอกว่าทางผู้บัญชาการสอบสวนกลางไปบังคับเขา เขาบอกเขาแนะนำในส่วนนี้ และเขาก็บอกว่าถ้าให้การเหมือนเดิมตามที่ได้ฟังก็จะติดคุก ก็แนะนำอย่างนี้ แต่การแนะนำของเขา เขากลัวติดคุกหรือเปล่า ในตัวหนังสือนี้ไม่ได้บอกเลยว่าท่านฐิติราชบังคับ เพราะท่านฐิติราชก็ออกข่าวเสมอว่าการให้การจะให้การยังไงก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้แล้ว คุณจะเปลี่ยนแปลงคำให้การก็ไม่สายเกินไป ส่วนในคดีของคุณแผน ทางท่านฐิติราชบอกว่าถึงแม้จะกลับคำให้การ แต่ก็จำนนต่อหลักฐาน ยังไม่มีการออกหมายจับ
คุณแผนครับ หนังสือฉบับนี้ใครเป็นคนทำให้ ?
แผน : ผมไม่ขอตอบครับ
อาจารย์สุกิจหรือเปล่า ?
แผน : ไม่ใช่ครับ มันเด็ก ๆ ถ้าผมทำต้องมีเอกสารประกอบด้วย กล่าวหาตำรวจชั้นผู้ใหญ่ต้องมีเอกสารประกอบ ทำแบบนี้ผมไม่ทำหรอก ดูสถานะเขาสิครับ เขาเป็นคนบ้านนอก ผมเชื่อว่าเขาไม่โกหก พูดไปตามความเป็นจริง คือดูสถานะเขาดิ เป็นคนกะล่อนมั้ย เป็นคนโกหกมั้ย เป็นคนบ้านนอก ดูซื่อ ๆ ถ้าบอกว่าเป็นคุณหนุ่ม กรรชัย ผมก็เชื่อว่าไม่ได้โกหก แต่เอกสารตัวนี้คุณก็รู้ว่าตามข่าวใครเป็นทนายให้ครู ก็น่าจะเป็นคนนั้นแหละ
ยืนยันว่าจะไม่มีการเปลี่ยนคำให้การอีกแล้ว ?
แผน : ครับ ตามที่ผมให้ไว้กับภาค 7 ครับ
พี่เดชา กลับไปกลับมาแบบนี้ได้เหรอ ?
เดชา : คือคำให้การ กลับไปกลับมาในศาลสำคัญมันจะมีปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือของการเบิกความพยาน
แล้วอย่างนี้จะเชื่อพยานคนนี้ได้เหรอ ?
สุกิจ : ในเอกสารไม่มีเลยว่าถูกบังคับ เขาแนะนำ ตำรวจแนะนำได้ไม่ผิดตรงไหน แล้วเขากลัว ตำรวจก็ไม่ผิดนะ ก็อยู่ที่เขาแหละ
คุณทำตาม วันนี้เปลี่ยนอีก ?
สุกิจ : ก็ต้องดูว่าเขาทำตามเพราะอะไร กลัวติดคุกหรือเปล่า อันนี้ผมไม่รู้นะ
ออกตัวแทน ?
สุกิจ : ผมไม่ได้ออกตัวแทนคุณต้องเข้าใจว่าเขาเป็นประชาชนธรรมดา ผมมีหน้าที่ให้ความเป็นธรรม ผมไม่ต้องออกสื่อ ที่สื่อบอกว่ามีการบังคับมีการซัด ก็ไม่มี มันไม่มีก็บอกไม่มี แนะนำผิดตรงไหน ตำรวจแนะนำคุณ คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็อีกเรื่องหนึ่ง
สุกิจ : เขาเชื่อเพราะเขากลัวไง กลัวติดคุก บอกให้เลย
แผน : เขาบอกว่าถ้าทำแบบนี้จะไม่ติดคุก
แต่มีข่าวออกหมายจับเลยออกมาต่อสู้ ?
แผน : ครับ
เอาเจ๊เกียวก่อน ที่ทนายตั้มบอกว่าพยานฝั่งครูปรีชาเริ่มทะเลาะกันแล้ว จริงไหม ?
เจ๊เกียว : ไม่จริง ยังเป็นพยานของครูปรีชาทุกคนเหมือนเดิมเพราะเป็นเรื่องจริง ครูปรีชาเป็นเจ้าของหวย พวกเจ๊ ๆ อยู่ในเหตุการณ์จริง ๆ และทุกคนเป็นพยานตัวจริงทั้งนั้น ไม่ใช่ตัวละคร
ไม่มีการเปลี่ยนคำ ?
เจ๊เกียว : ไม่มีแน่นอน
วันนี้ครูปรีชาถูกออกหมายจับ ?
เจ๊เกียว : อันนั้นก็แล้วแต่เจ้าหน้าที่เขาดำเนินการ ทางเจ๊เกียวบอกเลยว่าถ้าจะทำอะไร แต่ละหน่วยให้เต็มที่ เราก็สู้เต็มที่เพราะความเป็นจริง
เรื่องที่เจ๊เกียวกำลังจะถูกแจ้งความเป็นพยานเท็จ เคยได้ยินไหม ?
เจ๊เกียว : จริง ๆ เจ๊เกียวไม่ได้รู้อะไร แต่เจ๊เกียวอยู่ในฐานะพยานนะ เจ๊เกียวไปมาแล้ว ไปให้ปากคำเหมือนเดิม จะว่าสอบก็ไม่เชิง ถามนิดหน่อย เพราะสำนวนที่เจ๊เกียวให้ไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ภาค 7 มา เจ๊เกียวพูดคำเดิม เหมือนเดิม เห็นยังไง ได้ยินยังไงก็พูดอย่างนั้นเลย ไม่เคยกลับคำ และยืนยันเหมือนเดิม
จะมีการร้องขอให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวน ?
แผน : ครับ
สุกิจ : เพิ่งทราบข่าวตามสื่อ ผมไม่รู้อะไรเลย ก็ตามข่าว แต่ถามว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจะไปปรักปรำเขาก็ไม่ได้ปรักปรำ เพราะเขาพูดความจริง เขาแนะนำ คุณเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ ผมไม่ได้ประชดประชัน ผมกับตำรวจนี่รักกันมากเลยนะ
พี่เดชา ล่าสุดทนายเกรียงไกร ทนายด้านอาญาครูปรีชาเขาถอนตัว มีข่าวจากวงในว่าพี่เดชาจะขอเป็นทนายให้ทางครูปรีชา เรื่องจริงไหม ?
เดชา : ไม่จริง ไม่เคยคุยกันเลย เมื่อวานให้สัมภาษณ์ทีวีหลายช่อง พูดชัดเจน ไม่เคยพูดว่าจะไปเป็นทนายให้ครูปรีชา ไม่รู้จักคุณครูด้วย เพียงแต่วิเคราะห์คดีอะไรกันไป
รู้จักกับทางคุณแผนมาก่อนไหม ?
เดชา : ไม่เลย
เจ๊เกียว : ไม่รู้จักใครเลยสักคน เพิ่งรู้จักเมื่อวาน แต่ตอนนี้รู้จักทุกคนเพราะมีคดี 30 ล้านร่วมกัน ก็ดีใจที่ได้มาเจออีก 2 ท่าน (สุกิจ-เดชา) คนเขาชื่นชม วิเคราะห์สรุปเหมือนเป็นตัวจริงในเหตุการณ์ เจ๊เกียวขอชื่นชมนะคะ
ทำไมคนถึงคิดว่าอาจารย์สุกิจอยู่เบื้องหลัง ?
สุกิจ : ผมไปวิเคราะห์ในเฟซบุ๊กของผม ผมก็พยายามพูดถึงสองลักษณะ ผมเป็นนักกฎหมาย ผมไม่เชื่อนิติทางวิทยาศาสตร์ ผมเชื่อประจักษ์พยาน คุณมีวิธีการไหนทำให้ประจักษ์พยานไม่น่าเชื่อถือ ผมเป็นนักกฎหมายที่ดี แต่พอบอกมีนิติวิทยาศาสตร์ มีเสาไฟฟ้าอะไร เป็นเรื่องเหลวไหล เพราะสาระสำคัญของคดีนี้ คือใครเป็นเจ้าของหวยเท่านั้นเอง แล้วยิ่งทาง ผบ.ตร. อ้างฎีกาปี 2530 ยิ่งแคบเข้าไปใหญ่ มันง่ายมากเลยนะ คุณครอบครองหวยก็ได้รับข้อสันนิษฐานตามกองสลากที่บอกว่าผู้ครอบครองเอาไป เขาไม่ได้หมายความว่า ไอ้ผู้ครอบครองจะเป็นเจ้าของเสมอไป ถ้าเอาฎีกาปี 2530 ผมบอกเลยว่าเป็นของครูปรีชา ตำรวจพูดไม่หมดนะครับ คุณบอกว่าไปพูดต่อสาธารณชน ผมคิดว่า ผบ.ตร. โดนวางยานะ เพราะฎีกาปี 2530 เป็นฝ่ายของผู้แจ้งหาย
คนแจ้งหายมีสิทธิ์เป็นเจ้าของเงิน ?
สุกิจ : ก็ที่ฟ้องชนะมาแล้วไง ผบ.ตร. เขาบอกว่าเขาไม่ยุ่งคดีแพ่ง เขาจะยุ่งแต่คดีอาญา 30 นี่มันคดีแพ่งคุณจะมาใช้กับคดีอาญาได้เหรอครับมันไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่า ผบ.ตร. ไม่รู้
เดชา : ใช่ เพราะฎีกาปี 2530 คนที่หวยหาย เขาชนะคดี อย่างที่ท่านอาจารย์พูด
กรณีคุณกุ้ง ดุษฎี ที่บอกว่าเจอครูปรีชาวันที่ 31 ตุลาคม แต่วันนี้เขาบอกไม่ใช่ เขาไปเจอวันที่ 27 ตุลาคม ทางตำรวจเองก็ออกมายืนยันว่าสัญญาณโทรศัพท์ครูปรีชาไม่ได้ปรากฏในวันที่ 31 ตุลาคม ที่ตลาด
สุกิจ : จริง ๆ แล้วคุณกุ้งเขาให้การกับทางตำรวจภูธรภาค 7 ทันที อีกอย่างสถานะคุณกุ้งคือข้าราชการ จะไปบอกว่าให้การแบบนี้ ไม่มีใครเขาฟังหรอก เพราะคุณไปให้การใหม่กับทางกองปราบฯ กองปราบฯ เขาเชิญคุณไป ในวันที่ 27 เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะเขาเป็นข้าราชการ
เขาแต่งชุดไทยสีเหลืองตามข่าว เขายืนยัน ?
สุกิจ : คุณหนุ่มฟังผมหน่อย วิธีจับโกหกของคนไม่ใช่เรื่องยาก วันที่ 13-30 ตุลาคม มติคณะรัฐมนตรีให้ข้าราชการไว้ทุกข์พ่อหลวงต่อ ถึงวันที่ 30 ตอนเที่ยงคืน ขยายระยะเวลาไว้ทุกข์ต่อ แล้ววันที่ 27 เขาแต่งชุดไทยมา เขาจะโดนจับด้วยนะ คุณแต่งได้เหรอ คุณฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรี เขาให้คณะกรรมการแต่งชุดดำ แต่คุณบอกว่าคุณไปซื้อหวยวันที่ 27 แต่งชุดไทยไป ทางภาคอาจแนะนำ แต่เขาลืมคิดไปว่าวันที่ 27 เป็นวันที่ข้าราชการไว้ทุกข์อยู่กับพ่อหลวงของเราแล้วจะไปใส่สีเหลืองได้ไง อย่าให้พูดเลยเดี๋ยวไปขึ้นศาลก็รู้ เขาอาจถูกแนะนำเหมือนคุณแผน ผมยังเชื่อตำรวจอยู่นะ ตำรวจมีสิทธิ์แนะนำได้ จริง ๆ เสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือจะไปใช้ร่วมกับเสาสัญญาณโทรศัพท์ทั่วไปไม่ได้ แล้วบ้านครูปรีชากับตลาดมันใช้เสาต้นเดียวกัน แล้วคุณบอกว่าไม่มีสัญญาณ คุณอย่าไปคิดแทนเขา มันต้องมีสัญญาณ ไปสืบกันเลย
ยืนยันว่ายังไงก็ต้องมี ?
สุกิจ : โธ่ หลักการนิติวิทยาศาสตร์ใช้ไม่ได้หรอก ผมพูดแค่นี้ เรื่องคุณกุ้งถามว่าผมเชื่อมั้ยเขาใส่ชุดไทยสีเหลืองไป ผมไม่เชื่อ แล้วมติคณะรัฐมนตรีเขาบอกให้คุณไว้ทุกข์ ใส่ชุดดำ คุณทำแบบนี้ คุณต้องรักษาคำพูดของคุณนะ ผมไม่ได้อยากมาเปิดเผยเพราะผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่ผมมาเพราะผมอยากแนะนำเหมือนกัน ผมไม่ได้ปรักปรำกองบัญชาการสอบสวนกลาง ไม่ได้ปรักปรำตำรวจกองปราบฯ คุณเชิญผมมาผมก็แนะนำว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วคุณเชื่อมั้ย เป็นช่วงไว้ทุกข์อยู่คุณใส่ชุดเหลืองดูสิ ประชาชนประชาทัณฑ์คุณตาย
เจ๊เกียวคิดว่าเป็นแบบนี้ไหม ?
เจ๊เกียว : ไม่ใช่ค่ะ เพราะว่าคุณกุ้งมาวันที่ 31 ไม่ได้มา 27 เขาไปงานมา เขาใส่ชุดไทยสีเหลืองอ่อน ๆ ยังแซ็วกันว่าแต่งชุดไทยสวย เป็นวันที่ 31 ค่ะ เพราะเขามารับหวยที่เขาสั่งจากเจ๊เกียวไว้ ส่วนเป็นงานอะไรเจ๊เกียวไม่ทราบค่ะ
สุกิจ : เหลวไหล เลอะเทอะ ถ้าใส่สีเหลืองมา ประชาชนก็ลงประชาทัณฑ์แล้ว
เจ๊เกียว : เจ๊เกียวเป็นพลเรือน ยังไว้ทุกข์ให้พระองค์ท่านเลย
ในมุมข้อกฎหมาย การขึ้นศาลระหว่างครูปรีชาและหมวดจรูญ ที่กำลังพิสูจน์ว่าใครเป็นเจ้าของกันแน่ กับเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสรุปสำนวน เกี่ยวข้องโยงใยกันได้ไหม ?
เดชา : ในคดีแพ่ง ประเด็นพิพาทมีเรื่องเดียวคือใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ถ้าพิสูจน์ได้ว่ามีคนขายคนซื้อ แล้วหวยหาย แค่นี้ก็จบ ผมมีคดีที่รับผิดชอบ รางวัลที่ 1 ศาลตัดสินแล้วปัจจุบันอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ และผมก็ไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อ แนวการสัมภาษณ์ก็ชัด ดูพยานบุคคลเลยว่ามีคนขาย มีคนซื้อมั้ย แล้วหวยหายยังไง ก็ดูอยู่แค่นี้ ถ้าครูปรีชานำสืบได้ชัดแจ้งก็จบ ส่วนเรื่องเสาสัญญาณ ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ มันไม่ใช่พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ก็อย่าไปเหมารวมกัน ไอ้เรื่องพวกนี้แค่มาลดทอนคำเบิกความของประจักษ์พยานเท่านั้นเอง แต่ถ้าพยานเบิกความแล้วมีความสมเหตุสมผลสอดคล้องไปทางเดียวกันก็จบ คดีก็มีอยู่แค่นี้ ส่วนคดีแจ้งความเท็จมันคนละเรื่อง สมมุติเขาชนะ เรื่องหวยที่เมืองกาญจน์ ทุกอย่างก็จบเพราะเป็นประเด็นเดียวกัน หวยของเขาเป็นเรื่องจริง ศาลเชื่อแล้ว เพราะฉะนั้นจริง ๆ คนละเรื่องไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา
ทางฝั่งโน้นบอกพยานผวา กลัว ?
เดชา : ก็มีข่าวออกทุกวันพรุ่งนี้จะออกหมายจับ พรุ่งนี้จะเรียกมาสอบเพิ่ม ส่งจดหมายก็มีวาทกรรมต่าง ๆ ก็กลัว ผวา กลัวติดคุก มาเปลี่ยนคำให้การ เรืองนี้มันก็มีผลกระทบนะ อีกอย่างทางครูปรีชาเขาจะเอาข่าวพวกนี้ไปใช้ในการสู้คดีได้ในชั้นศาล เพราะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต อย่างคุณแผนฟังแล้วหัวใจเต้น ไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่
เรื่องการเพิกถอนเงิน 20 กว่าล้าน ?
เดชา : ล่าสุดเขาก็ไม่ไปเพิกถอนแล้ว เพราะเขากลัวฝั่งครูปรีชาจะรู้ว่าเขามีอะไรบ้าง กลายเป็นเหมือนเปิดหลักฐานให้ครูปรีชารู้หลักฐาน ก็ไม่แล้ว ก็รอพฤษภาคม จบเลย อีกไม่กี่วัน สืบพยานโจทก์ จำเลยต่อเนื่อง
ไม่เกี่ยวกับทางอาญา ?
เดชา : คนละเรื่อง
เรื่องศาลแพ่งเป็นเรื่องลอตเตอรี่ล้วน ๆ ?
เดชา : ใช่
ลุงจรูญต้องไปหามาให้ได้ว่าซื้อจากไหน ?
เดชา : ลุงจรูญเขาแทบไม่ต้องทำอะไรเพราะเขามีหวย เขาได้รับผลประโยชน์จากการสันนิษฐานตามข้อกฎหมายเขาก็อยู่เฉย ๆ
คุณแผน ยืนยันว่าสิ่งที่พูดไม่ได้ถูกใครบังคับ ?
แผน : ยืนยันครับ
สุกิจ : ผมก็ไม่รู้ ผมเพิ่งเจอเขาวันนี้ ถ้าผมจะทำหนังสืออย่างนี้ ผมทำเนียนกว่านี้อีก อันนี้ชาวบ้านธรรมดาเขาเขียน
ไม่มีพยานหลักฐานไปปรักปรำท่านได้ว่าแนะนำให้คุณทำแบบนี้ พูดไปใครจะเชื่อ ?
สุกิจ : ก็ผู้บัญชาการสอบสวนกลางพูดทุกวัน ว่าให้การแล้วจะเปลี่ยนใหม่ก็ได้ คือท่านพูดอยู่ทุกวัน ตรงนี้ทนายครูปรีชาเขาเอาไปใช้แน่ เพราะเขาตั้งข้อหาไม่ไว้วางใจคุณแล้ว วันนี้เขาถึงไปขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน แล้วทางผู้บัญชาการสอบสวนกลางออกมาพูดทุกวัน เปลี่ยนใจได้นะให้การมาแล้วเปลี่ยนใจได้ นี่คือกลยุทธ์ของการสอบสวน ทางนี้ทำตามคำแนะนำเขาบอกว่าจำนนต่อหลักฐาน เพราะฉะนั้นถ้าทำอย่างนี้ อีกหน่อยใครกล้าเป็นพยานไม่มีหรอกครับ รับรองได้
เรื่องกลยุทธ์ก็มาอีก ?
สุกิจ : ผมจบกฎหมายมา ความจริงมีประจักษ์พยานก็ชนะ