จากกรณีที่กรุงเทพมหานคร เตรียมดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณป้อมมหากาฬ ตามพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน พ.ศ. 2535 แม้ว่ากลุ่มชาวบ้านต่างรวมตัวกันคัดค้านการกระทำของกรุงเทพมหานคร เป็นเวลายาวนานถึง 26 ปี เพื่อขอให้หยุดการไล่รื้อถอน แต่ก็ไม่เป็นผลนั้น
ด้าน นายพรเทพ บูรณบุรีเดช อดีตรองประธานชุมชนป้อมมหากาฬ เปิดเผยว่า วันนี้ กทม. ได้เข้ามารื้อถอนบ้านเรือน ซึ่งชาวบ้านต่างก็ช่วยกันขนย้ายข้าวของ โดยมีรถของทาง กทม. คอยอำนวยความสะดวก โดยหลังจากนี้ ชาวบ้านชุมชนป้อมมหากาฬ จะย้ายไปอาศัยอยู่ที่ชุมชนกัลยาณมิตร บริเวณวัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ แต่แค่เข้าไปขออาศัยที่ชุมชนแห่งนี้ชั่วคราวเท่านั้น และจะรอหาที่อยู่ใหม่
นางศรีสุวรรณ เล็กพิไร อายุ 74 ปี เจ้าของบ้านที่ถูกรื้อ กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่ที่ชุมชนแห่งนี้มานานกว่า 50 ปี และเมื่อต้นปี 2560 ตนเพิ่งย้ายออกไปพักอาศัยอยู่กับลูกสาวที่ย่านเพชรเกษม ในวันนี้ตนทราบว่าจะมีการรื้อบ้านที่ตนเคยอยู่จึงเข้ามาดู เมื่อเห็นบ้านถูกรื้อถอนก็ยอมรับว่าเสียใจและเสียดาย
ขณะเดียวกัน พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ชุมชนป้อมมหากาฬเหลือบ้านเพียง 5 หลัง เดิมที กทม. จะอนุรักษ์บ้านไม้โบราณไว้ 2-3 หลัง แต่ปรากฏว่าเจ้าของบ้านต้องการรื้อถอนเพื่อไปปลูกสร้างที่อื่น ส่วนกำหนดรื้อนั้นจะต้องรื้อเสร็จในวันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน นี้
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า สภาพพื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬ พบว่า ตัวป้อมมีสภาพทรุดโทรม มีรอยแตกร้าว ทรุดตัว จำเป็นต้องซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน ซึ่ง กทม. ได้จัดสรรงบประมาณ 69 ล้านบาท เพื่อดำเนินการปรับปรุงป้อมมหากาฬและกำแพงเมืองเก่า คาดใช้เวลาปรับปรุงพื้นที่ประมาณ 1 เดือน
ภาพและข้อมูลจาก
จากเพจเฟซบุ๊ก ชุมชนป้อมมหากาฬ