สาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลี เปิดเผยความรู้สึกเจ็บปวดใจที่มีกับพ่อ จนนำไปสู่การห่างเหิน ผ่านไป 6 ปี ในที่สุดก็ได้ปรับความเข้าใจ และได้บอกรักกัน เป็นครั้งแรก
เคธี่ คิม คือ หญิงสาวชาวเกาหลีที่อพยพออกจากบ้านเกิด
ไปใช้ชีวิตที่สหรัฐอเมริกา
ชีวิตของเธอไม่แตกต่างจากหนุ่มสาวชาวเอเชียส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชาวเกาหลี
เธอเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่เคร่งครัดและเข้มงวด
พ่อของเธอไม่เคยอนุญาตให้เธอได้ทำในสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใด ๆ
ก็ตาม อีกทั้งยังดุว่าและทุบตีเธออยู่เสมอ
ช่วงชีวิตวัยเด็กของเคธี่จึงเต็มไปด้วยความเครียดและกดดัน
เมื่อเธอได้ออกไปสู่โลกใบใหม่ มันคือความสุขสูงสุดในชีวิตของเธอ เธอได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอชอบ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ มากมาย เธอไม่เคยคิดอยากกลับบ้านไปเจอหน้าพ่ออีก และความสัมพันธ์ของครอบครัวก็เริ่มห่างเหินมากขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั่งในวันที่เธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เธอก็เริ่มเข้าใจชีวิต เริ่มเข้าใจสิ่งที่พ่อทำมากขึ้นทีละเล็กทีละน้อย และในที่สุด หลังจากที่ห่างเหินกันมาเป็นเวลานานถึง 6 ปี พ่อลูกก็ได้ปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง และได้เอ่ยคำว่า รักกัน เป็นครั้งแรก ...
เรื่องราวของเคธี่และพ่อ ถูกหยิบยกมาเปิดเผยโดยเว็บไซต์เน็กซ์ชาร์ก บนยูทูบ ถึงชีวิตของเธอในวัยเด็กและความสัมพันธ์กับพ่อซึ่งไม่สวยงามเอาเสียเลย ทุกครั้งที่เธออยากทำอะไรก็ตาม พ่อจะห้ามเสมอ โดยไม่เคยให้เหตุผลว่าทำไม ครั้งหนึ่งเคธี่อยากเป็นเชียร์ลีดเดอร์ที่โรงเรียนมาก เธอขออนุญาตพ่อ แต่เขาปฏิเสธ เธอจึงแอบไปฝึกซ้อมกับเพื่อน ๆ โดยไม่บอกเขา จนกระทั่งพ่อจับได้ เขาจึงตีเธออย่างแรง และมันก็กลายเป็นแผลที่ฝังอยู่ลึก ๆ ในใจเธอ และเมื่อครอบครัวของเธอย้ายมายังสหรัฐฯ พ่อของเธอพยายามหางานทำ แต่มันเป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ความเครียดนี้จึงตกมาสู่ครอบครัวของเขา
"บ้านเรามีปัญหาเรื่องเงินมาโดยตลอด พ่อหางานทำไม่ได้ เพราะเขามีปัญหาเรื่องการสื่อสารภาษาอังกฤษ และเมื่อเกิดเรื่องแย่ ๆ ขึ้น ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม พ่อก็จะโทษฉัน โทษแม่ โทษน้องสาว เขาจะเอาความเครียดมาลงกับครอบครัว เขาไม่เคยเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีให้เราได้เลย"
"ฉันไม่เคยมีความทรงจำดี ๆ กับพ่อเลย สิ่งเดียวที่ฉันจำได้ก็คือ ฉันถูกเขาตีอยู่ตลอดเวลา
ฉันจำได้แค่ว่าพ่อจะตีฉันด้วยสารพัดสิ่งของ ตั้งแต่ไม้กอล์ฟ ไม้แขวนเสื้อ
เก้าอี้ และทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือเขา เท่าที่เขาจะคว้ามาฟาดฉันได้
นี่คือเหตุผลที่ทำให้ฉันเกลียดการกลับบ้านที่สุด" เคธี่
เล่าถึงความสัมพันธ์อันขมขื่นที่เธอมีต่อพ่อ
ในวันที่เคธี่เติบโตเป็นผู้ใหญ่
ความคิดความอ่านของเธอก็เปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อย เธอหันมาย้อนดูตัวเอง
และย้อนนึกไปถึงพ่อ เคธี่ก็เริ่มเข้าใจเขามากขึ้น
ได้เรียนรู้ว่าในความเข้มงวดเหล่านั้น ความเจ้าระเบียบต่าง ๆ
และการดุด่าของพ่อ ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่เคยอธิบายเหตุผลใด ๆ
ในการกระทำของตัวเอง แต่เคธี่ก็รับรู้ได้ว่ามันเป็นเพราะความห่วงใยของเขา
เธอกลับมาทบทวนตัวเอง พบว่าเธอไม่ได้เกลียดพ่อเลย
สิ่งที่ขุ่นมัวอยู่ในหัวใจคือความไม่เข้าใจ ความน้อยใจ พร้อม ๆ
กับความรู้สึกผิด พ่อคนนี้ต่อสู้เพื่อครอบครัวมาอย่างหนัก
และเธออยากบอกเขาว่า "หนูเข้าใจพ่อแล้ว"
"สิ่งที่ฉันอยากบอกพ่อก็คือ ด้วยความที่เราสองคนต่างตึงใส่กันมาโดยตลอด มันทำให้หนูไม่เคยเข้าใจพ่อ แต่ในตอนนี้ หนูมองเห็นเหตุผลของพ่อมากขึ้น หนูจะพยายามทำตัวเป็นลูกสาวที่ดีของพ่อนะคะ หนูรักพ่อค่ะ" เคธี่กล่าวพลางน้ำตาซึม เธอไม่เคยบอกรักพ่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว ครั้งนี้คือครั้งแรก มันอาจจะรู้สึกแปลก ๆ ขัดเขิน แต่มันคือสิ่งที่อยู่ในหัวใจเธอ
สิ่งที่เคธี่ไม่รู้ก็คือ ก่อนที่ทีมงานจะให้เธอนั่งพูดเปิดใจถึงชีวิตตัวเองนั้น พวกเขาได้ติดต่อไปหา คิม พ่อของเธอมาแล้ว โดยคิมก็ได้เปิดเผยความรู้สึกตัวเองที่มีต่อลูกสาวของเขา ที่ห่างเหินกันไปนานถึง 6 ปี คิม กล่าวว่า เขาไม่เคยเป็นพ่อที่ดีสำหรับเธอ ถ้าเขาย้อนเวลากลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เขาจะทำเพื่อเธอทุกอย่าง และจะบอกเธอว่าเขารักเธอมากแค่ไหน
"เคธี่เป็นเด็กที่น่ารักและอ่อนโยน สำหรับเธอ ผมเป็นพ่อที่น่ากลัว เป็นพ่อที่เอาแต่พูดว่า ไม่ และเป็นพ่อที่ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของเธอ ผมไม่เคยอนุญาตให้เคธี่ได้ทำในสิ่งที่เธอชอบ ครั้งหนึ่งเธออยากเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ผมยืนกรานว่าไม่ให้เป็น ผมคิดว่าลูกคงไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงไม่ยอม และเธอก็แอบไปเป็น ผมโกรธมาก ผมดุด่า ตี และฉีกชุดเชียร์ลีดเดอร์ต่อหน้าเธอ เมื่อผมมองย้อนกลับไปถึงตอนนั้น ผมเสียใจเหลือเกิน ทำไมผมถึงไม่ให้ลูกทำนะ การที่ผมไม่เข้าใจเคธี่ จนเธอต้องแอบไปทำสิ่งที่อยากทำแบบลับ ๆ มันคงทำให้เธอเจ็บปวดมาก"
"ตอนนั้นผมคิดว่าคนที่แบกรับความหนักหนาสาหัสไว้ทั้งหมดคือตัวเอง
ผมไม่เคยคิดอยากอพยพไปสหรัฐฯ และผมเองก็ไม่ชอบชีวิตที่นั่น
ผมไม่คิดเลยว่าลูกจะเสียใจ ไม่คิดเลยว่าลูกต้องเครียดเหมือนกัน
เพราะทั้งเคธี่ ทั้งเรเชล ยังเด็กมาก ผมคิดว่า เออ พวกเธอคงผ่านมันไปได้
เดี๋ยวก็คงลืม"
"วันที่เคธี่ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเธอเอง ผมเป็นห่วงเธอมาก ผมเครียด และกังวลไปหมด เพราะลูกต้องออกไปผจญโลกกว้างตัวคนเดียว โดยไม่มีพ่อแม่คอยดูแล ถ้าเธอเป็นลูกชาย ผมคงห่วงน้อยกว่านี้ แต่เธอเป็นลูกสาว ผมเลยห่วงไปหมดทุกสิ่ง ตอนที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปี 1 ถึง ปี 3 เราไม่ได้ติดต่อหากันเลย สิ่งที่ผมคิดในหัวคือ ลูกคงเกลียดพ่อมากแน่ ๆ"
"ผมเสียใจกับสิ่งที่ผมทำไว้ในอดีต และยังคงรู้สึกเจ็บปวดในใจจนถึงทุกวันนี้ ผมเสียใจกับหลาย ๆ สิ่ง ผมอยากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เพื่อจะได้ดูแลเธอให้ดี ผมไม่เคยบอกรักเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว และผมก็เป็นพ่อที่ล้มเหลวในการแสดงความรักที่มีต่อลูก" คิม กล่าวถึงความรู้สึกในใจที่เขามีต่อลูกสาวคนนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
หลังจากนั้น ทีมงานก็ได้เซอร์ไพรส์เคธี่ บอกเธอว่าพวกเขาได้ติดต่อไปหาพ่อของเธอ และได้อัดคลิปวิดีโอบันทึกคำพูดจากหัวใจของเขา ที่ส่งมาถึงเธอโดยตรง คิม กล่าวว่า เขาเป็นคนขี้อาย จึงแสดงความรักไม่เป็น และไม่เคยได้ทำ แต่เขาจะทำในครั้งนี้ เพื่อเคธี่ และเมื่อเคธี่ได้ดูคลิปนี้ เธอก็ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
"ไงเคธี่ พ่อไม่ได้เห็นหน้าหนูมานานแล้วนะ และพักใหญ่แล้วที่พ่อไม่ได้ยินเสียงหนูเลย เราควรนัดเจอกันบ่อยขึ้นดีไหม มีหลายอย่างที่พ่อเสียใจ พ่ออยากทำหลาย ๆ สิ่งเพื่อหนู แต่พ่อกลับไม่ได้ทำมันเลย หลังจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าลูกจะอยากทำอะไร พ่อจะสนับสนุนหนูทุกอย่าง พ่อจะทำงานหนัก และจะพยายามเป็นพ่อที่ดีของหนู เคธี่ กลับบ้านมาเจอกันเถอะนะลูก พ่อรักหนูนะ" คิม กล่าว
หลังจากดูคลิปจบ เคธี่ กล่าวว่า
เธอกับพ่อแทบไม่เคยได้คุยกัน และทะเลาะกันมามาก ทุกวันนี้เธอยังคงเสียใจ
ที่ไม่ได้เป็นลูกสาวที่ดีของพ่อ
เธอไม่ได้ทำให้เขาภาคภูมิใจอย่างที่ควรจะเป็น
แต่เมื่อได้เห็นพ่อพูดออกมาแบบนั้นแล้ว เธอรู้สึกเหมือนอะไรหนัก ๆ
ในหัวใจได้หลุดออกไป เธอสัญญาว่าจะพยายามให้มากที่สุดเพื่อพ่อและแม่ด้วย
ให้สมกับความรักที่พวกเขามีให้เธอ
ภาพและข้อมูลจาก KoogleTV