x close

ศาลอินเดียสั่งประหาร แขวนคอนักโทษฆ่า-ข่มขืนเด็ก หลังจับได้แค่ 23 วัน

          อินเดียพิพากษา ประหารนักโทษฆ่าข่มขืน เด็ก 3 ขวบ หลังใช้เวลาพิจารณาคดีแค่ 23 วัน หลังถูกสังคมกดดันให้เร่งรัดดำเนินการ เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่หลายฝ่ายกังวล ชี้อาจมีผู้บริสุทธิ์กลายเป็นแพะ ต้องตายทั้ง ๆ ที่ไม่ผิด แถมไม่มีโอกาสสู้คดี
021d

          นับตั้งแต่ปี 2555 คดีข่มขืนในประเทศอินเดียมีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน่าตกใจ โดยในปี 2559 มีจำนวนผู้หญิงที่ถูกข่มขืนเพิ่มขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน ๆ เฉพาะปีนี้ปีเดียวมีผู้หญิงตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเพศมากกว่า 40,000 คน หรือเกิดขึ้น 1 คน ในทุก ๆ 15 นาที ในขณะที่สัดส่วนเหยื่อที่เป็นเด็กก็เพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุนี้ สังคมที่โกรธแค้นได้กดดันให้รัฐบาลเพิ่มการลงโทษ และย่นระยะเวลาการไต่สวนให้สั้นลงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้คนร้ายได้รับโทษอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในคดีที่เหยื่อเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี

          สำหรับผู้ต้องหาคนล่าสุดนี้ เขาถูกจับกุมฐานฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 3 เดือน ลูกสาวของคนไร้บ้านที่อาศัยอยู่ริมถนน และเขาถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิต หลังจากถูกควบคุมตัวเพียง 23 วันเท่านั้น

          จากการรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ส วันที่ 23 พฤษภาคม 2561 ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่เมืองอินดอร์ รัฐมัธยประเทศ ทางตอนกลางของประเทศอินเดีย โดย นายนาวีน กาดเค วัย 26 ปี ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา เนื่องจากระบอบยุติธรรมถูกกดดันอย่างหนัก คดีของเขาจึงถูกนำมาพิจารณาคดีชั้นศาลภายในเวลาอันรวดเร็ว ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสืบสวน สอบพยาน พิสูจน์หลักฐาน ไปจนถึงการไต่สวน และนำไปสู่การพิพากษาโทษประหารชีวิต ซึ่งเกิดขึ้นในระยะเวลาที่สั้นมาก

          นาวีนไม่สามารถติดต่อให้ความเห็นกับสื่อ เนื่องจากนักข่าวไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับนักโทษ คนเดียวที่เขาสามารถพูดคุยได้ มีเพียงแค่ ซาชิน เวอร์มา ทนายความของเขา เท่านั้น โดยซาชินคือทนายความของรัฐที่ตกลงรับดูแลคดีนี้ เพราะทนายคนอื่น ๆ ต่างปฏิเสธ เนื่องจากความกดดันจากสังคม เพราะในคดีลักษณะนี้ ทนายจำเลยมักจะตกเป็นเป้าความเกลียดชัง และหลายคนเคยถูกชาวบ้านรุมทำร้ายมาแล้ว

021d
arindambanerjee / Shutterstock.com

          ซาชิน กล่าวว่า มันจะดีมาก ถ้าเขามีเวลาตระเตรียมข้อมูลต่าง ๆ มากกว่านี้ ลูกความของเขาไม่ได้เปิดเผยอะไรมาก เพียงแต่พูดว่า เขาถูกปรักปรำ ภรรยาที่ห่างเหินกันไปนาน คือคนที่กุข่าวใส่ร้ายเขา และนาวีนมองไม่เห็นว่าการมีทนายจะช่วยอะไรได้ เพราะทุก ๆ คนลงความเห็นเรียบร้อยแล้วว่าเขาผิดจริง

          สำหรับการพิจารณาคดีนี้ นับได้ว่าเป็นเคสที่แตกต่างจากกรณีทั่วไป เพราะปกติแล้ว คดีในลักษณะนี้มักจะล่าช้า อาจใช้เวลาไต่สวนนานถึง 6 ปี กว่าจะรู้ผล โดยครั้งนี้หน่วยงานนิติเวชของรัฐทำงานพิสูจน์หลักฐานกันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำงานค้นหาหลักฐาน สอบพยานกันอย่างเคร่งเครียด และเมื่อถึงกระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาล ก็ใช้เวลาไต่สวนต่อเนื่องยาวนานถึง 7 วัน โดยไม่ได้พัก นอกจากนี้แล้ว ครอบครัวของเหยื่อก็กล่าวว่า ลูกสาวของพวกเขาจะได้รับความยุติธรรมก็ต่อเมื่อนาวีนถูกประหาร

          เจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการกล่าวในชั้นศาลว่า ภาพกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ เผยให้เห็นว่านาวีนได้เดินเข้ามาอุ้มเด็กหญิงออกไป หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที เขาก็เดินออกมาจากห้องใต้ดินภายในอาคารใกล้เคียง ซึ่งในเวลาต่อมา มีคนพบศพเด็กหญิงนอนจมกองเลือดอยู่ภายในห้องนั้น สำหรับผลการชันสูตรและการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งดำเนินการอย่างรวดเร็วภายใต้คำสั่งของรัฐบาล ยืนยันได้ว่าเด็กหญิงถูกข่มขืนจริง และคราบอสุจิที่พบภายในช่องคลอดของเด็กหญิง ตรงกับดีเอ็นเอของนาวีน

          นอกจากนี้แล้ว พยานจำนวน 29 คน ประกอบไปด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ พ่อค้า-แม่ค้า ไปจนถึงประชาชนแถว ๆ ที่เกิดเหตุ ล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่านาวีนก่อเหตุจริง และหลังจากที่รับฟังคำกล่าวของพยาน พร้อมกับพิจารณารายละเอียดต่าง ๆ ผู้พิพากษาก็ตัดสินว่า นาวีนมีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา จึงสั่งลงโทษประหารชีวิตโดยการแขวนคอ และหลังการพิจารณาคดีจบลง ชีวะพาล สิงห์ คุชวาห์ สารวัตรผู้ดูแลคดีนี้ กล่าวว่า การทำงานของทุก ๆ ฝ่ายในคดีนี้ คือการส่งสาส์นให้สังคมได้รับรู้ว่า กระบวนการทางกฎหมายสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน และพวกเขาก็สามารถทำได้สำเร็จ

021d
arindambanerjee / Shutterstock.com

          ทั้งนี้ถึงแม้ว่าการเร่งรัดการพิจารณาคดีให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งตั้งการลงโทษให้อยู่ในสถานหนัก อาจจะสามารถทำให้คนไม่กล้าลงมือก่อเหตุและอาจลดอัตราการเกิดเหตุฆ่าข่มขืนได้ แต่มันก็ได้ก่อให้เกิดการตั้งคำถามถึงความยุติธรรมเช่นกัน เพราะถ้าหากผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ทำผิดจริง ๆ แต่เป็นการจับผิดตัว เขาเหล่านั้นก็ต้องกลายมาเป็นแพะรับบาปโดยไม่สามารถเรียกร้องสิทธิใด ๆ ได้เลย ยิ่งถ้าผู้กล่าวหาเป็นคนจน ไม่มีเงินจ้างทนาย คดีของพวกเขาก็ไม่มีทางออก ชีวิตอาจต้องมาจบลงในคุก หรือไม่ก็ถูกประหาร ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้บริสุทธิ์

          สำหรับประเด็นนี้ รีเบกกา จอห์น ทนายความอาวุโสของศาลสูงสุด กล่าวว่า ในฐานะบุคคลในวงการกฎหมาย เธอไม่เห็นด้วยกับการเร่งรัดให้กระบวนการสืบสวนและการพิจารณาคดีเป็นไปอย่างรวดเร็วเกินไป ในขณะที่ ลีอาห์ เวอร์เกส เจ้าหน้าที่อาวุโสขององค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศอินเดีย ให้ความเห็นว่า แม้การเร่งรัดกระบวนการยุติธรรมจะเป็นแนวคิดที่ดี แต่ฝ่ายจำเลยก็ควรได้รับสิทธิในการเตรียมหลักฐานเพื่อสู้คดีด้วยเช่นกัน

          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลายฝ่ายจะแสดงถึงความกังวลและไม่สนับสนุนแนวคิดเร่งรัดการพิจารณาคดีอาชญากรรมทางเพศ แต่ ดุชยานต์ ทนายความอาวุโสประจำศาลสูงสุด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้สนับสนุนการบังคับใช้โทษประหารชีวิต ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า การเร่งรัดตัดสินโทษผู้ต้องหาให้เร็วขึ้นคือเรื่องที่ดี ถึงเวลาแล้วที่ประเทศอินเดียควรจริงจังกับเรื่องนี้ และในปี 2562 นักโทษร้ายแรง 500 คน ควรถูกรับโทษประหารชีวิตให้หมด เพื่อไม่ให้อาชญากรรมเลวร้ายเหล่านั้นเกิดขึ้นในสังคมได้อีก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ศาลอินเดียสั่งประหาร แขวนคอนักโทษฆ่า-ข่มขืนเด็ก หลังจับได้แค่ 23 วัน อัปเดตล่าสุด 24 พฤษภาคม 2561 เวลา 10:01:45 9,312 อ่าน
TOP