สาวอังกฤษชีวิตพลิกผัน จากอดีตเคยเป็นเด็กเสเพล ดื่มเหล้าตั้งแต่อายุ 13 ปี ออกจากโรงเรียนตอนอายุ 14 ปี แถมป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ตอนนี้กลายมาเป็นแพทย์ ยิ่งกว่าฝันเป็นจริง
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2561 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยเรื่องราวของ โจ บาร์ตัน แพทย์หญิงชาวอังกฤษวัย 32 ปี จากเมืองซอว์บริดจ์เวิร์ธ ซึ่งกว่าเธอจะก้าวมาทำอาชีพในฝั นได้เช่นทุกวันนี้ เธอต้องผ่านอุ ปสรรคมากมายหลายอย่างในชีวิต มีประสบการณ์ชีวิตที่ไม่สวยงาม เคยอออกนอกลู่นอกทางจนเกื อบจะเสียคนไป แต่สุดท้ายเธอก็สามารถพาตั วเองกลับมาทำตามความฝันได้สำเร็ จ
บาร์ตัน เริ่มดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่อายุ 13 ปี และหลังจากนั้นก็ดื่มมาเรื่อย ๆ ทุก ๆ วัน รวมทั้งยังโดดเรียนเป็ นประจำและไม่กลับบ้าน จนอายุ 14 ปี บาร์ตันออกจากโรงเรียนที่ฮาร์ โลว์ ทั้ง ๆ ที่ยังเรียนไม่จบ และไม่มีวุฒิการศึกษาใด ๆ หลังจากนั้นเธอก็เริ่มมีอาการซึ มเศร้า แต่ตอนนั้นเธอไม่รู้ตัว เธอดื่มเหล้าเป็นประจำทุกวัน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เธอก้าวเข้าสู่ฝั นร้ายในช่วงชีวิตวัยรุ่น ดำเนินชีวิตในทางที่หลงผิด บาร์ตันเริ่มมีพฤติกรรมต่อต้ านสังคม และมันทำให้เธอกลายเป็นเด็กมีปั ญหา
บาร์ตันเล่าว่า ในตอนนั้นแม่ของเธอป่วยด้ วยโรคไบโพลาร์ ตอนที่เธอมีปัญหาต้ องออกจากโรงเรียน แม่ของเธอไม่ได้อยู่ด้วย เนื่องจากเธอต้องไปรักษาตัวอยู่ ที่โรงพยาบาล ส่วนพ่อของเธอก็ย้ายไปอยู่ที่อื่ นแล้ว เมื่อเธอออกจากโรงเรียนชื่อเสี ยงและเรื่องราวของเธอก็ถูกเป็ นที่พูดถึงไปทั่ว ยิ่งทำให้อาการโรคซึมเศร้ าของเธอก่อตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
กระทั่งมาถึงวันหนึ่ง บาร์ตันเริ่มความพยายามที่จะตั้ งสติในการใช้ชีวิต และอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอเริ่มออกไปหางานที่ เธอสามารถจะทำได้ ขณะนั้นบาร์ตันอายุ 17 ปี เธอได้งานทำที่แรก เป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้ านอาหารในเกรท ดันโมว์ แต่เธอทำได้เพียง 4 สัปดาห์ ก็ถูกทางร้านไล่ออก หลังจากนั้นบาร์ตันก็เริ่ มมองหางานอื่น แม้ว่าเธอจะไม่มีวุฒิการศึ กษาและประสบการณ์การทำงานที่ดี ๆ จากที่ใดเลย
ต่อมา บาร์ตันได้มาทำงานเป็นผู้ช่วยดู แลด้านสุขภาพที่ศูนย์สุขภาพ St Catherine?s Care Home ในบร็อกซ์บอร์น ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นเส้ นทางความฝันของเธอเลยก็ว่าได้ บาร์ตันได้เรียนรู้วิชาตามหลั กสูตรการศึกษากึ่งสายอาชีพ และหลังจากนั้น 2 ปี เธอก็ได้รับวุฒิการศึกษา รวมทั้งได้ทักษะความรู้ด้านคณิ ตศาสตร์และภาษาอังกฤษเพิ่มเติม หลังจากนั้นเธอเริ่มมีชีวิตที่ ดีขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น แต่เธอก็ยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่ นั้น เธออยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้นไปกว่ านี้
บาร์ตัน เริ่มไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ตึ กเอกซเรย์ ในโรงพยาบาล Princess Alexandra Hospital รวมทั้งลงเรียนวิชาพยาบาลที่วิ ทยาลัยในเอ็นฟิลด์ นอร์ทลอนดอน ทั้งนี้ด้วยปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ ายในการศึกษาที่ค่อนข้างสูง ทำให้บาร์ตันต้องทำงานหนักถึงสั ปดาห์ละ 60 ชั่วโมง และต้องพยายามอย่างหนักในการแบ่ งเวลาระหว่างการทำงานและการเรี ยน
บาร์ตันเล่าว่า ด้วยความลำบากในการใช้ชีวิต เธอต้องกินอาหารเพียงแค่วันละ 1 มื้อ หลายครั้งที่เธอคิดจะล้มเลิกเส้ นทางความฝันของเธอ แค่เธอก็คิดเสมอว่า ถ้าทำเช่นนั้น เธอก็จะไม่เหลืออะไรเลย กระทั่งในปีสุดท้ายของการเรียน เธอเผชิญกับเรื่องที่หนักหนา แม่ของเธอล้มป่วยหนักอีกครั้ งและต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ โรงพยาบาล ทำให้นอกจากเธอต้องแบ่ งเวลาระหว่างทำงานและเรียนแล้ว เธอยังต้องหาเวลาไปดูแลแม่ที่ โรงพยาบาลอีกด้วย แต่สุดท้าย บาร์ตันก็ผ่านอุปสรรคในการเรี ยนปีสุดท้ายมาได้ และเธอสำเร็จการศึกษาในที่สุด
ในขณะที่ทำงานที่โรงพยาบาล Princess Alexandra Hospital บาร์ตันได้รับโอกาสจากทีมศั ลยแพทย์ให้เข้าไปชมการผ่าตัด และมันทำให้เธอตกหลุมรักอย่างจั ง และนั่นเป็นจุดที่ทำให้เธอเริ่ มอยากเป็นหมอ จากนั้นเธอก็เริ่มต้นศึกษาวิ ชาคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษด้ วยตัวเองอย่างจริงจัง จนสามารถไปสอบวัดระดับผ่าน ทำให้เธอสามารถลงเรียนวิ ชาการแพทย์ได้ และในที่สุด เธอก็จบหลักสูตรการแพทย์ จากโรงพยาบาล St George?s Hospital ในลอนดอน เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา
ปัจจุบัน บาร์ตันปฏิบัติงานอยู่ที่แผนกอุ บัติเหตุฉุกเฉินของโรงพยาบาล Princess Alexandra hospital และตอนนี้เธอได้ตั้งเป้าหมายต่ อไปแล้วว่าเธอตั้งใจจะเป็น แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป (GP) และเธอตัดสินใจที่จะลงเรียนหลั กสูตรการฝึกปฏิบัติ อย่างไรก็ดี แม้ว่าเส้นทางการเดินตามความฝั นของบาร์ตันจะมีอุปสรรคมากมาย แต่เธอก็อยากจะให้เรื่ องราวของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้ กับคนอื่นด้วย
"ฉันเพียงต้องการให้ผู้คนได้รู้ ว่า แม้ว่าคุณเริ่มต้นจากศูนย์ คุณก็สามารถเลือกที่จะเป็นได้ หากคุณมีความพยายามมากพอ" บาร์ตัน กล่าว