ซีไอเอสรุปแล้ว มกุฎราชกุมาร แห่งซาอุดีอาระเบีย บงการสังฆ่า จามัล คาช็อกกี นักข่าวซาอุฯ ที่สถานกงสุลในตุรกี แต่ทางการซาอุฯ ปฏิเสธทันที ชี้เป็นข้อมูลที่ขาดหลักฐานสนับสนุน ด้านรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชี้ คนร้ายที่ก่อเหตุ ต้องถูกลงโทษ
มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย
ภาพจาก Bandar AL-JALOUD / Saudi Royal Palace / AFP
ก่อนหน้านี้ นาซีฟ คารามาน หัวหน้ากองบัญชาการสอบสวนของตุรกีได้ออกมาเปิดเผยคำพูดบางส่วนจากคลิปเสียงลับ ซึ่งบันทึกความทรมานของจามัล ในช่วงนาทีสุดท้ายก่อนที่เขาจะสิ้้นใจ สำหรับชิ้นส่วนศพของเขา ทางตำรวจได้ยุติการค้นหาแล้ว คาดว่ากลุ่มคนร้ายผู้ก่อเหตุได้ใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทำลายศพไปแล้ว แต่การสืบสวนยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และในเร็ว ๆ นี้ ทั้งภาพอาวุธในที่เกิดเหตุ รวมทั้งบางส่วนของคลิปเสียงจะถูกเผยแพร่ผ่านสื่อ
ทีมเจ้าหน้าที่สืบสวนของสหรัฐฯ ตั้งข้อสันนิษฐานว่า การฆ่านักข่าวชื่อดังคนหนึ่งในสถานกงสุลที่ต่างประเทศ มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ถ้า มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ไม่มีทรงอนุญาตหรือมีส่วนรู้เห็น เพราะมันเป็นภารกิจที่อุกอาจอันตรายและสุ่มเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกประจำสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ได้ออกมาตอบโต้ข่าวนี้ทันที กล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวไม่ต่างกับทฤษฎีสมคบคิดอื่น ๆ ที่ผู้คนคาดเดากันไปเรื่อย ซึ่งเป็นเรื่องเท็จ เป็นข้อสันนิษฐานลอย ๆ ที่ขาดหลักฐานสนับสนุน และไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
วอชิงตันโพสต์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าข้อสรุปของซีไอเอเป็นเรื่องจริงที่สามารถเชื่อถือได้ ขณะนี้ทางวอชิงตันโพสต์ได้ติดส่อไปสอบถามซีไอเอแล้ว แต่ทางซีไอเอยังคงนิ่งเงียบ ไม่ขอแสดงความเห็นใด ๆ ในขณะนี้
ทางด้าน นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการรักษาความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับทางซาอุฯให้คงไว้เช่นเดิม แต่การสืบสวนคดีฆาตกรรมจามัลก็เป็นเรื่องสำคัญ และบุคคลใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ สมควรได้รับโทษอย่างเหมาะสมตามกระบวนการทางกฎหมาย
ภาพจาก MOHAMMED AL-SHAIKH / AFP
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานข้อมูลอ้างอิงจากวอชิงตันโพสต์ ระบุว่า สำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐอเมริกา หรือซีไอเอ (CIA - Central Intelligence Agency) ได้สรุปแล้วว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรม นายจามัล คาช็อกกี นักข่าวฝีปากกล้า วัย 59 ปี ซึ่งถูกทรมานและฆ่าหั่นศพ ภายในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบีย ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี คือ มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นว่า พระองค์ได้สั่งการให้สังหารนักข่าวโดยตรงด้วยพระองค์เอง แม้ว่าก่อนหน้านี้พระองค์ และทางการซาอุดีอาระเบียจะออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการเหตุการณ์ดังกล่าว
มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย
ภาพจาก Bandar AL-JALOUD / Saudi Royal Palace / AFP
ก่อนหน้านี้ นาซีฟ คารามาน หัวหน้ากองบัญชาการสอบสวนของตุรกีได้ออกมาเปิดเผยคำพูดบางส่วนจากคลิปเสียงลับ ซึ่งบันทึกความทรมานของจามัล ในช่วงนาทีสุดท้ายก่อนที่เขาจะสิ้้นใจ สำหรับชิ้นส่วนศพของเขา ทางตำรวจได้ยุติการค้นหาแล้ว คาดว่ากลุ่มคนร้ายผู้ก่อเหตุได้ใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทำลายศพไปแล้ว แต่การสืบสวนยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และในเร็ว ๆ นี้ ทั้งภาพอาวุธในที่เกิดเหตุ รวมทั้งบางส่วนของคลิปเสียงจะถูกเผยแพร่ผ่านสื่อ
ทางด้านนายเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี เปิดเผยว่า ทางการตุรกีได้จัดการส่งคลิปเสียงที่บันทึกการฆาตกรรมของจามัล ไปให้หลายประเทศตรวจสอบ หนึ่งในคือสหรัฐฯ และคลิปเสียงนี้เองได้บ่งบอกข้อมูลสำคัญที่บ่งชี้ว่า มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน คือผู้บงการเหตุทรมานและสังหารครั้งนี้
ทีมเจ้าหน้าที่สืบสวนของสหรัฐฯ ตั้งข้อสันนิษฐานว่า การฆ่านักข่าวชื่อดังคนหนึ่งในสถานกงสุลที่ต่างประเทศ มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ถ้า มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ไม่มีทรงอนุญาตหรือมีส่วนรู้เห็น เพราะมันเป็นภารกิจที่อุกอาจอันตรายและสุ่มเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกประจำสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ได้ออกมาตอบโต้ข่าวนี้ทันที กล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวไม่ต่างกับทฤษฎีสมคบคิดอื่น ๆ ที่ผู้คนคาดเดากันไปเรื่อย ซึ่งเป็นเรื่องเท็จ เป็นข้อสันนิษฐานลอย ๆ ที่ขาดหลักฐานสนับสนุน และไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ภาพจาก OZAN KOSE / AFP
ทางด้าน นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการรักษาความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับทางซาอุฯให้คงไว้เช่นเดิม แต่การสืบสวนคดีฆาตกรรมจามัลก็เป็นเรื่องสำคัญ และบุคคลใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ สมควรได้รับโทษอย่างเหมาะสมตามกระบวนการทางกฎหมาย
"การสังหาร จามัล คาช็อกกี เป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายอุกอาจมาก และมันยังได้ส่งผลกระทบต่อการนำเสนอข่าวของสื่อที่ควรเป็นอิสระและตรงไปตรงมา และทางการสหรัฐฯต้องการให้คนร้ายที่ก่อเหตุได้รับการพิจารณาโทษ" รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าว