น้ำมันแพง-ขึ้นภาษี เป็นเหตุ ฝรั่งเศสระดมพลทั่วประเทศ สวมกั๊กเหลือง ประท้วงรัฐบาล

            เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ประชาชนชาวฝรั่งเศสกว่า 280,000 คน ได้พร้อมใจกันสวมเสื้อสีสะท้อนแสง ออกมาประท้วงตามท้องถนนต่าง ๆ ทั่วประเทศ เนื่องจากไม่พอใจที่ราคาน้ำมันไต่เพดานสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่รัฐบาลไม่สามารถหาทางแก้ไขปัญหาได้ และพวกเขากล่าวหา ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ว่า "ทอดทิ้งประชาชนตาดำ ๆ" และบางคนถึงขั้นต้องการให้เขาลาออก การออกมารวมตัวครั้งนี้นับได้ว่าเป็นการประท้วงทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี ซึ่งได้กลายเป็นเหตุจลาจลรุนแรง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก 

 

            การประท้วงดังกล่าวมีขึ้นตามถนนหนทางต่าง ๆ รวมทั้งจัตุรัสและพื้นที่สำคัญในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ แม้ว่าส่วนใหญ่จะค่อนข้างเป็นไปอย่างสงบ แต่ก็มีหลายแห่งที่ประท้วงจนกลายเป็นการจลาจลและมีการใช้ความรุนแรง ผู้ประท้วงจำนวนมากได้จุดพลุไฟและก่อกองไฟขึ้น หลายคนบุกไปยังพระราชวังเอลีเซ่ ซึ่งเป็นที่พำนักของผู้นำประเทศ และมีการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่ อีกทั้งมีการใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม 

 

            นอกจากนี้แล้ว ยังมีเหตุร้ายเกิดขึ้นที่ซาวอย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส โดยรถเก๋งคันหนึ่งขับไปชนกลุ่มผู้ประท้วงบนถนน ก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างมาก จนมีการโจมตีกัน และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดจากการประท้วงทั่วประเทศ มีประมาณ 227 ราย 

 

            รายงานระบุว่า ราคาน้ำมันดีเซลในฝรั่งเศสได้เพิ่มขึ้นถึง 23 เปอร์เซ็นต์ ภายในระยะเวลา 12 เดือน แม้ว่าราคานี้จะผันแปรไปตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งได้ลดลงมาบ้างแล้ว แต่ราคาน้ำมันในฝรั่งเศสล่าสุด อยู่ที่ประมาณลิตรละ 1.51 ยูโร หรือราว 56 บาท นับว่าเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 18 ปี นับตั้งแต่เข้ายุคศตวรรษที่ 21 ด้วยความที่น้ำมันดีเซลเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้มากที่สุดในฝรั่งเศส ผู้คนทั่วประเทศจึงได้รับผลกระทบอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลได้ออกแคมเปญลดมลพิษ ด้วยการปรับเพิ่มอัตราภาษีคาร์บอน (Hydrocarbon Tax) ให้มากขึ้นไปกว่าเดิม

            ปัจจุบันภาษีคาร์บอนในฝรั่งเศส มีราคาอยู่ที่ลิตรละ 7.9 เซนต์ หรือประมาณ 30 บาท สำหรับน้ำมันดีเซล ขณะที่น้ำมันเบนซิน อยู่ที่ลิตรละ 3.9 เซนต์ หรือประมาณ 15 บาท นอกจากนี้แล้ว รัฐบาลยังมีแผนการจะปรับภาษีคาร์บอนเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า โดยน้ำมันดีเซลจะเพิ่มภาษีไปอีก 6.5 เซนต์ หรือประมาณ 24.75 บาท ส่วนน้ำมันเบนซินจะเพิ่มภาษีไปอีก 2.5 เซนต์ หรือราว 11 บาท อัตราภาษีนี้ได้สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงไปทั่วประเทศ โดยผลการสำรวจความคิดเห็น พบว่ากว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรฝรั่งเศส ต้องการให้รัฐบาลปรับลดภาษีคาร์บอนลง 

 

            อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเพิ่มราคาภาษีและราคาน้ำมัน โดยเขากล่าวในที่ประชุมเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วงไตรมาสที่สามได้เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นราคาน้ำมันในประเทศก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย นอกจากนี้แล้ว ภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีการปรับเพิ่มขึ้นอีก เพราะรัฐบาลจำเป็นต้องนำเงินภาษีส่วนนี้มาใช้ลงทุนและพัฒนาด้านพลังงานทดแทน 

 

            สำหรับการประท้วงล่าสุดที่เกิดขึ้นนี้ ประธานาธิบดีมาครงปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นใด ๆ และยังไม่ได้คิดหาทางชี้แจงกับเหล่าผู้ประท้วง แต่เขาก็ได้กล่าวหานักการเมืองฝ่ายตรงข้ามว่ามีส่วนในการสนับสนุนการประท้วง เพราะต้องการหยุดยั้งนโยบายการปฏิรูปของเขา

 

ภาพจาก FFF - LUCAS BARIOULET / AFP