ดีเจดัง แฉถูกตำรวจ สน.ท่าพระ ตั้งด่านยัดฉี่ม่วง แถมไถเงิน 15,000 แลกจบเรื่อง แต่เจ้าตัวไม่ยอมขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ต่อสายตรงร้องเรียน ผบ.ตร. ล่าสุดเข้ายื่นหนังสือที่ บช.น. ขอให้ลงโทษทางวินัยและอาญา 3 ข้อหา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (29 มีนาคม 2563) อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า จากการตรวจสอบจุดตั้งด่าน บริเวณหน้าปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 7 ถนนจรัญสนิทวงศ์ พบเป็นช่วงโค้งใกล้ทางกลับรถ ชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตั้งด่านเป็นประจำช่วง 22.00-02.00 น. เป็นด่านตรวจอาวุธและยาเสพติด โดยไม่ได้มีการตั้งกรวยยางหรือไฟส่องสว่าง เจ้าหน้าที่จะยืนข้างถนนและเรียกรถให้เข้าด่านก่อนตรวจ ส่วนประเด็นการเรียกรับเงิน เคยได้ยินมาบ้าง
ต่อมานายกิตติศักดิ์ ได้โทรศัพท์กลับมาแจ้งตำรวจว่า ตรวจซ้ำอีกครั้งที่ด่านย่านตลิ่งชัน แต่ไม่พบสารเสพติด จึงตั้งประเด็นว่าถูกเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้ง พร้อมให้ชายอีกรายอ้างเป็นทนายมาพูดคุยขู่เจ้าหน้าที่ ว่าจะดำเนินคดีรวมถึงร้องเรียนผู้บังคับบัญชา
ด้าน พ.ต.อ. ปรีชา เพ็งเภา ผกก. สน.ท่าพระ กล่าวว่า ได้เรียกสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ทราบว่าด่านดังกล่าวเป็นด่านของฝ่ายปราบปราบ ตั้งกันเองโดยไม่ได้แจ้งผู้บังคับบัญชา ซึ่งวันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย อาสาสมัครตำรวจบ้านอีก 2 คน
1. ร้อยตำรวจโท รอง สวป. สน.ท่าพระ
2. ดาบตำรวจ ผบ.หมู่ ป. สน.ท่าพระ
3. สิบตำรวจเอก ผบ.หมู่ ป. สน.ท่าพระ
4. สิบตำรวจโท ผบ.หมู่ ป. สน.ท่าพระ
ขณะนั้นเจ้าหน้าที่เรียกค่าปรับ 30,000 บาท ต่อมาลดเหลือ 20,000 บาท ซึ่งตนไม่ยอมจ่าย และนั่งรอจนด่านเลิกตอนตี 3 เจ้าหน้าที่พาตนมาที่ สน.ท่าพระ พร้อมเรียกเงิน 15,000 บาท ตนยอมจ่าย เพราะไม่อยากมีปัญหา ซึ่งตลอดเวลาที่พูดคุยกัน ตำรวจไม่ได้ข่มขู่ แต่พูดในทำนองว่าจ่ายเงินเรื่องจบ
หลังจากนั้นตนก็เดินทางกลับบ้านและบังเอิญมาเจอด่านตรวจความมั่นคงของตลิ่งชัน ตนได้ตรวจหาสารเสพติดอีกครั้ง แต่ผลออกมาไม่พบสารเสพติด จึงโทร. กลับหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เรียกเก็บค่าปรับทันที เพื่อขอคำอธิบาย แต่เจ้าหน้าที่พยายามพูดบ่ายเบี่ยง ตนจึงให้ตำรวจรายดังกล่าวโอนเงินให้เพื่อเป็นหลักฐานว่า ตนถูกเรียกเงินจริง ๆ โดยตนเรียกเงินจำนวน 5 หมื่นถึง 1 แสนบาท อ้างว่าหากโอนให้เรื่องจะจบ สุดท้ายตำรวจรายดังกล่าวก็ยอมโอนเงินมากว่า 4 หมื่นบาท และบอกทำนองว่า โอนเงินให้แล้ว ขอให้ตนลบข้อมูลทิ้งเพื่อจบเรื่อง แต่ตนไม่ยอมลบทิ้ง เพราะตนตั้งใจจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และได้โทร. หา พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อร้องเรียนเรื่องดังกล่าว ซึ่ง พล.ต.อ. จักรทิพย์ บอกว่า ถ้าผิดจริง ไม่เอาไว้ และได้ให้ตนมาเข้าพบวันที่ 30 มีนาคม
โดยขอเรียกร้องให้ดำเนินคดีในข้อหา 3 ข้อหา คือ กักขังหน่วงเหนี่ยว กรรโชกทรัพย์ และกลั่นแกล้งบุคคลหนึ่งคนใดให้ถูกดำเนินคดี พร้อมเรียกร้องค่าเสียหาย เนื่องจากทำให้ผู้เสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก