x close

ลุงหย่าเมียทาสแมว สะบั้นชีวิตคู่ 45 ปี สุดทนเลี้ยงไว้เต็มบ้าน ฟางเส้นสุดท้ายคือฉี่แมว

          ชายสิงคโปร์ฟ้องหย่าเมีย หลังเลี้ยงแมวเยอะเกิน จนสร้างปัญหาให้กับชีวิต เผยมัวแต่สนใจแมว ไม่เหลียวแลผัว ซ้ำปล่อยแมวขับถ่ายเรี่ยราดเต็มบ้าน เผยทนมาหลายสิบปี มาถึงจุดแตกหัก เพราะโดนแมวฉี่รด

ทาสแมว

          เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 เว็บไซต์ทูเดย์ออนไลน์ รายงานว่า ชายชาวสิงคโปร์ วัย 70 ปี (สงวนนาม) ได้ยื่นเรื่องฟ้องหย่าภรรยา วัย 67 ปี (สงวนนาม) ที่อยู่กินกันมานาน 45 ปี เนื่องจากทนพฤติกรรมการเป็น "ทาสแมว" ของเธอ ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว และไม่สามารถอดทนกับแมวที่เธอเลี้ยงได้ โดยสามีอดทนกับความคลั่งแมวของภรรยามายาวนานกว่า 20 ปี จนมันมาถึงจุดแตกหักในชีวิตคู่

          คู่สามีภรรยาดังกล่าวแต่งงานกันในปี 2518 และมีลูกด้วยกัน 3 คน ฝ่ายชายประกอบอาชีพเป็นครู ส่วนฝ่ายหญิงไม่ทราบแน่ชัดว่าเธอทำงานอะไร ชีวิตสมรสของพวกเขาเป็นไปด้วยดี ไม่มีอะไรติดขัด จนกระทั่งในปี 2540 หลายครั้งที่ภรรยาฝันเห็นแม่ที่ตายไปแล้ว ซึ่งแม่ที่มาเข้าฝันบอกให้ลูกสาวทำดีกับแมว เพราะจะช่วยให้ได้ "ไปสวรรค์"

          ในปีนั้นเอง ฝ่ายภรรยาก็เริ่มต้นตระเวนออกให้อาหารแมวจรจัด และรับแมวหลายตัวมาเลี้ยงที่บ้าน ลูกชายคนเล็กของเธอก็เอาลูกแมวตัวหนึ่งกลับไปเลี้ยงที่บ้านของเขาเองเช่นกัน ฝ่ายภรรยายังคงหาแมวมาเลี้ยงอยู่เรื่อย ๆ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหา โดยเนื้อหาในเอกสารยื่นฟ้องหย่าระบุว่า ฝ่ายภรรยาเลี้ยงแมวแบบให้อิสระกับพวกมันเต็มที่ ปล่อยให้พวกมันเดินไปเดินมาทั่วบ้าน

          ปัญหาสำคัญก็คือ แมวเหล่านี้ไม่เคยถูกฝึกหัดให้ขับถ่ายอย่างถูกต้องเป็นที่เป็นทาง พวกมันขับถ่ายทุกที่ตามใจชอบ แม้กระทั่งบนเตียงนอน ฝ่ายสามีไม่สามารถทนนอนบนเตียงได้ และต้องมาปูเสื่อนอนกับพื้น นอกจากนี้แล้ว กลิ่นอุจจาระและฉี่แมว เหม็นคละคลุ้งไปทั่วบ้าน สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นมีการโทร. แจ้งตำรวจให้มาจัดการ โดยเจ้าหน้าที่ได้ว่ากล่าวตักเตือนฝ่ายภรรยา ให้ควบคุมดูแลแมวให้ดี แต่เธอก็ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ยังคงปฏิบัติเช่นเดิม และหาแมวมาเลี้ยงเพิ่มอีก

ทาสแมว

          ในปี 2546 ฝ่ายสามีไม่สามารถอดทนกับปัญหานี้ได้อีกต่อไป และได้โทรแจ้งตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ แล้วให้พวกเขาดูว่า สภาพบ้านที่เขาต้องอดทนอยู่ นั้นเต็มไปด้วยแมว แต่อย่างไรก็ตาม ตำรวจแจ้งว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาครอบครัว พวกเขาไม่สามารถช่วยแก้ไขอะไรให้ได้ และเดินทางกลับไป โดยปัญหาระหองระแหงของทั้งคู่ก็ยังคงดำเนินต่อไป เนื่องภรรยาสนใจแต่แมว ไม่ใส่ใจสามีของเธอเลย

          ในปี 2547 ฝ่ายสามีเกษียณอายุราชการ เขาได้นำแบ่งเงินบำนาญมา 500,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 11.3 ล้านบาท (อ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน) เขานำเงินส่วนหนึ่งไปใช้หนี้บ้าน และแบ่งเงินเอาไว้ 5 ส่วน ฝากไว้ในบัญชี 5 เล่ม ตามคำแนะนำของภรรยา ต่อมาในปี 2548 ฝ่ายสามีค้นพบว่าในบัญชีทั้งหมดนั้น มีเพียง 2 บัญชีเท่านั้นที่เป็นชื่อของเขา ซึ่งมีเงินฝากอยู่แค่ 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 2.26 ล้านบาทเขาจึงถอนเงินออกมา ปิดบัญชี และย้ายเงินไปเข้าบัญชีใหม่


          ในปี 2549 ฝ่ายสามีถูกแมวฉี่รดขณะนอนหลับ มันคือจุดแตกหัก เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปและเก็บข้าวของย้ายออกจากบ้าน ไปอยู่กับน้องเขย และไม่ติดต่อกับภรรยาอีกเลย นอกจากปัญหาการเสพติดแมวของภรรยาแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องเงินอีกด้วย โดยฝ่ายภรรยาแอบถอนเงินบำนาญของสามีมา 200,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 4.5 ล้านบาท โดยที่สามีไม่รู้เห็น เพื่อเอาไปซื้อรถให้กับลูกชาย และใช้จับจ่ายซื้อของต่าง ๆ ตามใจ

          รายงานระบุอีกว่า ลูกสาวของทั้งสอง ถูกฟ้องเรียกค่าปรับเนื่องจากไม่จ่ายเงินค่าจ้างให้คนรับใช้ที่จ้างมาเลี้ยงดูแมวให้กับแม่ ซึ่งฝ่ายแม่ก็ยื่นฟ้องล้มละลาย หลังจากศาลบังคับให้จ่ายเงินค่าดำเนินการทางกฎหมาย พร้อมกับฟ้องกลับคนรับใช้ อ้างว่าฆ่าแมวของเธอไป 40 ตัว

          สามีระบุได้เอกสารหย่าว่า เขาทุกข์ทนทรมานกับแมวมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี  ไม่มีการเปิดเผยว่าภรรยาของเขามีแมวกี่ตัว แต่จากข้อมูลที่ฝ่ายภรรยาอ้างว่าแมวถูกฆ่าไป 40 ตัว ดังนั้นแมวในบ้านน่าจะมีจำนวนมากกว่านั้น อาจจะมีหลายสิบตัวจนเต็มบ้าน ไม่มีที่ให้อยู่ นอกจากนี้แล้ว เขายังอ้างว่าภรรยาห้ามไม่ให้ไปพบลูก ๆ แม้แต่ตอนที่ลูกชายต้องเข้าห้องไอซียู

          กระทั่งวันที่ 21 พฤษภาคม 2563 ชีค มุสตาฟา อาบู ฮัสซาน ผู้พิพากษาศาลเล็งเห็นว่าชีวิตคู่ของทั้งสองพังพินาศลง ไม่สามารถไปต่อได้ เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่สมเหตุสมผล แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายภรรยาไม่ต้องการหย่าและยื่นเรื่องคัดค้านคำตัดสินของศาลแล้ว

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ลุงหย่าเมียทาสแมว สะบั้นชีวิตคู่ 45 ปี สุดทนเลี้ยงไว้เต็มบ้าน ฟางเส้นสุดท้ายคือฉี่แมว อัปเดตล่าสุด 3 มิถุนายน 2563 เวลา 16:03:45 54,195 อ่าน
TOP