กรมอุทยานฯ บุกสวนสัตว์มุกดาสวนเสือและฟาร์ม หลังตรวจพบ DNA ลูกเสือไม่ตรงกับพ่อแม่ตามที่แจ้ง สลดแรง ! พบเสือถูกตัดหัว ล่าสุดแจ้งแล้ว 3 ข้อหา สั่งพักกิจการ 90 วัน
ภาพจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
ภาพจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีการลักลอบค้าเสือโคร่ง ของ "มุกดาสวนเสือและฟาร์ม" จ.มุกดาหาร ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลเข้าตรวจสอบมุกดาสวนเสือและฟาร์ม เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตรวจสอบพันธุกรรมและเก็บภาพลายเสือโคร่ง พบว่าดีเอ็นเอของลูกเสือโคร่ง เบื้องต้น 5 ตัว ไม่ตรงกับพ่อแม่เสือตามที่สวนสัตว์แจ้งกับทางกรมอุทยานฯ
โดยผลตรวจสอบออกเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ลูกเสือโคร่งชื่อ ข้าวยำ ข้าวกล่ำ และข้าวจ้าว ที่แจ้งว่าเป็นลูกของเสือโคร่ง ชื่อ ให้ลาภ และ ให้ทอง ไม่มีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรม นอกจากนี้ ยังมีเสือโคร่งชื่อ โดโด่ และ มะเฟือง ผลตรวจก็พบว่าพันธุกรรมไม่ตรงกับพ่อแม่
ภาพจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
รวมถึงพบซากหัวของเสือโคร่งอีก 1 ตัว ที่เป็นลูกของให้ลาภและให้ทอง ตายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งต้องนำไปตรวจพันธุกรรมโดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม คาดว่าใช้เวลา 1 เดือน จึงจะทราบผล จึงได้ดำเนินการอายัตเสือไว้ 3 ตัว คือ ข้าวยำ ข้าวกล่ำ และข้าวจ้าว
ด้านนายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า กรมอุทยานฯ แจ้งความสวนสัตว์มุกดาสวนเสือและฟาร์ม 3 ข้อหา ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ได้แก่
ภาพจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
- มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดนไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 17 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
- ข้อหาฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา 137
- แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จตามมาตรา 267
เบื้องต้นได้ดำเนินการพักใบอนุญาตสวนสัตว์เป็นเวลา 90 วัน เพื่อเข้าตรวจสอบทั้งหมดอย่างละเอียด ทั้งนี้ เมื่อปี 2562 สามารถจับกุมสัตว์ป่าคุ้มครองได้ 1 ตัว คือ เต่าเหลือง และสัตว์ต่างประเทศ 10 ชนิด รวม 44 ตัว แต่สำนักอัยการจังหวัดมุกดาหารไม่สั่งฟ้อง เนื่องจากคดีมีพยานหลักฐานไม่เพียงพอจึงได้สั่งคืนของกลางไป
ขณะที่ นายสมปอง ทองสีเข้ม ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าวว่า ของกลางลูกเสือโคร่ง 3 ตัวที่ยึดมานั้น จะถูกนำย้ายไปยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจุฬาภรณ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อดูแลต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
ภาพจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
ภาพจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีการลักลอบค้าเสือโคร่ง ของ "มุกดาสวนเสือและฟาร์ม" จ.มุกดาหาร ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลเข้าตรวจสอบมุกดาสวนเสือและฟาร์ม เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตรวจสอบพันธุกรรมและเก็บภาพลายเสือโคร่ง พบว่าดีเอ็นเอของลูกเสือโคร่ง เบื้องต้น 5 ตัว ไม่ตรงกับพ่อแม่เสือตามที่สวนสัตว์แจ้งกับทางกรมอุทยานฯ
โดยผลตรวจสอบออกเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ลูกเสือโคร่งชื่อ ข้าวยำ ข้าวกล่ำ และข้าวจ้าว ที่แจ้งว่าเป็นลูกของเสือโคร่ง ชื่อ ให้ลาภ และ ให้ทอง ไม่มีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรม นอกจากนี้ ยังมีเสือโคร่งชื่อ โดโด่ และ มะเฟือง ผลตรวจก็พบว่าพันธุกรรมไม่ตรงกับพ่อแม่
ภาพจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
รวมถึงพบซากหัวของเสือโคร่งอีก 1 ตัว ที่เป็นลูกของให้ลาภและให้ทอง ตายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งต้องนำไปตรวจพันธุกรรมโดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม คาดว่าใช้เวลา 1 เดือน จึงจะทราบผล จึงได้ดำเนินการอายัตเสือไว้ 3 ตัว คือ ข้าวยำ ข้าวกล่ำ และข้าวจ้าว
ด้านนายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า กรมอุทยานฯ แจ้งความสวนสัตว์มุกดาสวนเสือและฟาร์ม 3 ข้อหา ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ได้แก่
ภาพจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
- มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดนไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 17 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
- ข้อหาฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา 137
- แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จตามมาตรา 267
เบื้องต้นได้ดำเนินการพักใบอนุญาตสวนสัตว์เป็นเวลา 90 วัน เพื่อเข้าตรวจสอบทั้งหมดอย่างละเอียด ทั้งนี้ เมื่อปี 2562 สามารถจับกุมสัตว์ป่าคุ้มครองได้ 1 ตัว คือ เต่าเหลือง และสัตว์ต่างประเทศ 10 ชนิด รวม 44 ตัว แต่สำนักอัยการจังหวัดมุกดาหารไม่สั่งฟ้อง เนื่องจากคดีมีพยานหลักฐานไม่เพียงพอจึงได้สั่งคืนของกลางไป
ขณะที่ นายสมปอง ทองสีเข้ม ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าวว่า ของกลางลูกเสือโคร่ง 3 ตัวที่ยึดมานั้น จะถูกนำย้ายไปยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจุฬาภรณ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อดูแลต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์