Restart Thailand ความท้าทายของคนไฟแรง สู่ใบเบิกทางแห่งอนาคต

         มาชวนฟังเหตุผลที่เด็กจบใหม่อยากเข้าร่วมโครงการ Restart Thailand กับหลากคำบอกเล่า หลายประสบการณ์ตรง ที่ช่วยสร้างโอกาส มีอาชีพ เพิ่มรายได้ และยังหล่อหลอมให้พวกเขาเหล่านี้ได้ทำประโยชน์แก่ชุมชนและสังคม

         ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต่อเนื่องมายาวนาน ส่งผลกระทบต่อระบบสายพานเศรษฐกิจ หลายบริษัทมีนโยบายงดการจ้างงาน ขณะที่หลายบริษัทจำเป็นต้องเลิกจ้าง นำมาซึ่งอัตราการว่างงานที่ทำให้เด็กจบใหม่หลายคนที่มุ่งมั่น ตั้งตาคอยการทำงาน ต้องรอคอยโอกาส และอาจเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยที่กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อเป็นเช่นนั้นทาง กลุ่ม ปตท. จึงได้ดำเนินโครงการ Restart Thailand ขึ้น เพื่อเปิดรับสมัครนักศึกษาจบใหม่ และผู้ว่างงาน ให้ได้เข้ามาทำงานตำแหน่งต่าง ๆ ภายในโครงการ เป็นสัญญาว่าจ้างระยะสั้น โดยมีรูปแบบการทำงานที่หลากหลาย และมอบประสบการณ์การทำงานอย่างแท้จริง ซึ่งมีเด็กนักศึกษาจบใหม่จำนวนมากที่สมัคร และได้รับคัดเลือกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ สร้างประโยชน์ให้กับสังคมมากมาย จนทำให้ Restart Thailand เป็นที่พูดถึงในวงกว้างมากขึ้น

         ดังนั้นเราจึงถือโอกาสชวนเพื่อน ๆ ที่เคยเข้าร่วมโครงการมาถ่ายทอดเรื่องราวในมุมมองต่าง ๆ ทั้งเรื่องทักษะการใช้ชีวิต และประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานครั้งนี้กันด้วย

         ความหวังของเด็กจบใหม่ก็คือ การได้ทำงาน มีอาชีพ มีรายได้ แต่ปัญหาเศรษฐกิจกลับพรากโอกาสเหล่านั้นไป อัตราการจ้างงานลดน้อยลง โครงการ Restart Thailand ของ กลุ่ม ปตท. จึงเป็นเสมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ให้กับใครหลายคน เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน ทั้งแรงงาน พนักงาน และนักศึกษาจบใหม่ ให้เข้ามาทำงานในโครงการด้านสังคมของ ปตท.เพื่อพัฒนาสังคมชุมชนท้องถิ่น “งานผู้ช่วยสอน” พัฒนาคุณภาพการศึกษาสำหรับเยาวชน “งานพัฒนาศักยภาพชุมชนท้องถิ่น” ฝึกอบรมให้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานเพื่อการเกษตร และการให้บริการลูกค้า ในธุรกิจใหม่ของ ปตท. และทักษะการพัฒนายกระดับเศรษฐกิจชุมชน “งานพัฒนาและการวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม” เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล

         เสียงสะท้อนจาก คุณมนต์นภา สุดสวาท (มนต์) หนึ่งในผู้มีประสบการณ์เข้าร่วมโครงการ Restart Thailand ปัจจุบันทำงานในตำแหน่งพนักงานบริการทั่วไป บริษัท สวอพ แอนด์ โก จำกัด (Swap & Go) ธุรกิจใหม่ของ ปตท. ได้เปิดใจเล่าให้เราฟังเมื่อครั้งที่เพิ่งเรียนจบสายงานบริหารธุรกิจ ตอนนั้นเธอเข้าทำงานเป็นพนักงานบริษัทตามวิถีมนุษย์เงินเดือนทั่วไป จนมาเห็นประกาศรับสมัครงานโครงการ Restart Thailand จากเฟซบุ๊ก บวกกับเงื่อนไขที่เปิดรับนักศึกษาจบใหม่ด้วย จึงจุดประกายให้เธออยากที่จะลองสมัครอย่างไม่รีรอ

         “หลังจากได้เห็นประกาศก็รู้สึกสนใจและอยากจะลองสมัคร เพราะคิดว่าถ้าได้รับการคัดเลือกให้เข้าทำงาน คงเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ” หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ก็ติดต่อมานัดสัมภาษณ์ และพูดคุยรายละเอียดงานต่าง ๆ โดยเธอเลือกเป็นแอดมินช่องทางไลน์ของ Swap & Go ทำหน้าที่ประสานงานกับลูกค้า เธอบอกว่า “ได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยทำ ได้สื่อสารกับลูกค้า แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการทำงานเป็นทีม สิ่งเหล่านี้ได้ช่วยเสริมสร้างทักษะการทำงานที่มาพร้อมกับประสบการณ์จริง ๆ ที่หาจากที่อื่นได้ยาก”

         จากวันนั้นถึงวันนี้ สิ่งหนึ่งที่เธอได้เรียนรู้จากประสบการณ์การเข้าร่วมโครงการ Restart Thailand คือ การเตรียมตัวในการสัมภาษณ์งานถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่จะบอกให้คนอื่นได้รู้ว่าทัศนคติ และทักษะที่เรามีเหมาะกับลักษณะงานแบบไหน ดังนั้นงานที่เราจะได้รับคัดเลือกมาจึงเป็นงานที่เหมาะกับคนนั้นจริง ๆ ส่วนที่เหลือจึงเป็นเรื่องของความพยายาม ซึ่งเธอเชื่อว่าแต่ละคนทำได้บนพื้นฐานของความตั้งใจจริง

         เพราะในโลกของความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ทำอาชีพที่ตัวเองรัก เฉกเช่นเดียวกับ คุณ ฐิติวรดา ชื่นฤดี (ซิน) ผู้ช่วยสอน โรงเรียนบ้านหนองฆ้อ จังหวัดระยอง จากโครงการ Restart Thailand แม้จะเรียนมาทางสายบัญชี แต่ก็ยอมรับกับเราตรง ๆ ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอชอบหรือถนัดเสียทีเดียว ส่งผลให้การเรียนไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่ในขณะเดียวกันกลับค้นพบตัวเองว่า ชอบการสอน และอยากเป็นครู โดยตั้งเป้าที่อยากจะสอบหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูให้ได้ในอนาคต

         “จริง ๆ แล้วอยากเป็นครู พอเห็นโครงการนี้จึงไม่ลังเลที่จะสมัคร เพราะรู้ว่าสิ่งที่ได้รับจากโครงการจะสามารถนำไปต่อยอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสานฝันการเป็นครูให้เป็นจริงได้” สำหรับเธอแล้ว การร่วมในโครงการนี้ จึงเป็นใบเบิกทางเพื่อสานต่อความฝัน พัฒนาทักษะ และสร้างเสริมประสบการณ์ในวิชาชีพ ที่เธอไม่คิดว่าจะหาหรือได้รับจากที่ไหนมาก่อน การฝึกฝนและพยายามค่อย ๆ หล่อหลอมให้เธอรักในวิชาชีพครูมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นความผูกพัน ทั้งกับตัวเด็กที่สอน ตลอดจนเพื่อนร่วมงานที่มีโอกาสได้ร่วมงานด้วย

         จากสาวบัญชีสู่สถานะของการเป็นผู้ช่วยสอน ยังทำให้เธอค้นพบศักยภาพบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความอดทน ความประนีประนอม ความอะลุ่มอล่วย ตลอดจนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เหล่านี้นับเป็นความโชคดีที่เธอได้ทำในสิ่งที่รัก ไปพร้อม ๆ กับลับคมทักษะทางวิชาชีพ การขยับช่องว่างความฝันของการเป็นครูให้เป็นจริงในอนาคตอันใกล้ จึงเป็นความรู้สึกถึงความภาคภูมิใจทั้งหมดที่เธอตัดสินใจเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้

         คุณจิณณวัตร อำภัย (อาร์ม) หนุ่มนักพัฒนาสังคมชุมชน แห่งอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ที่ร่วมวงแชร์ประสบการณ์การเข้าร่วมโครงการ Restart Thailand ถึง 2 ครั้งด้วยกัน กับความหวังเพื่อจะกอบโกยทักษะความรู้ต่าง ๆ จากโครงการนำไปพัฒนาพื้นที่บ้านเกิดของตัวเอง ต่อยอดไอเดีย พลิกฟื้นเศรษฐกิจชุมชน สร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น

         “ตอนนั้นเป็นช่วงจบใหม่ ประกอบกับโควิด-19 เริ่มระบาด ทำให้การหางานเป็นเรื่องยาก พอดีมาเห็นโครงการ Restart Thailand นี้เข้าเลยสนใจอยากสมัคร และได้เข้ามาทำงานในส่วน Smart Marketing และ Smart Farming ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์และเข้ากับตัวผมมาก ๆ” เพราะในฐานะลูกเกษตรกร จะมีอะไรน่าภาคภูมิใจไปกว่าการได้ตอบแทนชุมชนบ้านเกิด ด้วยการประยุกต์ศาสตร์ความรู้ทั้งการตลาดและการท่องเที่ยว ก่อเกิดไอเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนการท่องเที่ยวชุมชน ทั้งที่อำเภอแม่ทาและบ้านแม่กลางหลวง รวมถึงการเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว หวังลดบทบาทพ่อค้าคนกลาง สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

         มาในวันนี้ จากผู้ว่างงานสู่นักพัฒนาชุมชน เขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทัศนคติที่ดี บวกกับความตั้งใจจริง สามารถเนรมิตความเป็นไปได้ต่าง ๆ ต่อยอดสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองและชุมชนบ้านเกิด ก่อกำเนิดเป็นห่วงโซ่ความเจริญที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาทีละนิด ๆ โดยมีโครงการ Restart Thailand เป็นฟันเฟืองหนึ่งที่คอยขับเคลื่อน และคอยเสริมเติมแต่งให้ห่วงโซ่นี้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

         จากเรื่องเล่าประสบการณ์ทั้งหมดนี้ ทำให้เห็นว่าโครงการ Restart Thailand เหมือนห้องเรียนขนาดใหญ่ ที่เปิดพื้นที่ให้นักศึกษาจบใหม่ คนว่างงาน ได้เข้ามาลับคมวิชา โดยมุ่งหวังว่าในอนาคตจะได้นำเอาศักยภาพและทักษะเหล่านั้นไปต่อยอดกรุยทางสร้างความสำเร็จในแบบฉบับของตัวเองอย่างเต็มภาคภูมิ