เปิดโลก Net Zero กับทางออกช่วยโลกง่าย ๆ

เพราะก๊าซเรือนกระจกก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ หลายประเทศจึงหาทางป้องกันอย่างเร่งด่วน หนึ่งในนั้นคือแนวคิด Net Zero วิธีที่เราทุกคนจะช่วยกันทำได้ง่าย ๆ 

วิธีประหยัดพลังงาน

ทุกกิจกรรมของมนุษย์ล้วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ฉะนั้นหลายประเทศทั่วโลกจึงร่วมกันหาทางป้องกันและลดปัญหานี้ผ่านแนวคิด “Net Zero” ซึ่งเราจะพาไปทำความรู้จักให้มากขึ้นว่าสิ่งนี้คืออะไร และก๊าซเรือนกระจกส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ที่สำคัญคือทุกคนจะช่วยกันลดปัญหานี้ได้ยังไง ตามไปดูกันเลย !

Net Zero ประเด็นระดับชาติที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ

Net Zero คือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ผ่านการลดและกำจัดก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำในระยะยาว เช่น การลดใช้พลังงาน การปลูกป่า การใช้เทคโนโลยีดักจับ/กักเก็บคาร์บอน เป็นต้น ซึ่งในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) หลายประเทศได้ให้คำมั่นที่จะบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

Net Zero

โทษของก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกต้องเปลี่ยนแปลง

ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) เป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติในการดูดซับคลื่นรังสีความร้อน หรือรังสีอินฟราเรด ได้ดี เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน และก๊าซไนตรัสออกไซด์ เป็นต้น ที่ถูกปล่อยออกมาแล้วไปรวมตัวกันบนชั้นบรรยากาศเป็นจำนวนมาก ทำให้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาสะท้อนกลับขึ้นไปไม่หมด ส่งผลให้อุณหภูมิภายในโลกร้อนขึ้นนั่นเอง และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไป (Climate Change) หรืออากาศแปรปรวน เช่น ฝนตกรุนแรง น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้แผ่นดินบางส่วนหายไป และเกิดโรคระบาดต่าง ๆ

ซึ่งก๊าซเรือนกระจกก็มาจากกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเผาไหม้เชื้อเพลิงจากการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น การตัดไม้ทำลายป่า ก๊าซพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น

ก๊าซเรือนกระจก

วิธีลดก๊าซเรือนกระจกพร้อมประหยัดพลังงานมุ่งสู่ Net Zero

เราทุกคนต่างรู้ดีว่าต้นทางของก๊าซเรือนกระจกเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงงานอุตสาหกรรม รวมไปถึงการใช้พลังงานอย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งในส่วนของการลดใช้พลังงานเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถช่วยกันทำได้ง่าย ๆ ดังนี้ 

  • ตั้งอุณหภูมิแอร์ไว้ที่ 26°C เพราะเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมกับร่างกายและอากาศภายนอกของไทย และปิดแอร์ก่อนเลิกใช้งานประมาณ 15-30 นาที ก็จะช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกราว 10%  
  • เดินขึ้น-ลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์ สำหรับการเดิน 1-2 ชั้น เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดไฟ แต่ยังได้ออกกำลังกายไปในตัว เรียกว่าได้ประโยชน์ 2 ต่อเลย
  • ส่งข้อมูลทางออนไลน์แทนการใช้กระดาษ เช่น ผ่านอีเมล ไลน์ ก็จะช่วยลดการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการตัดต้นไม้ไปพร้อมกัน 
  • ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน เลือกรุ่นที่ติดฉลากเบอร์ 5 โดยเฉพาะรุ่นที่มีดาว 3 ดวง เพราะจะยิ่งประหยัดไฟ และยังสามารถบอกจำนวนค่าไฟต่อปี ทำให้นำข้อมูลไปเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้นด้วย 
  • ปิดคอมพ์หรือโน้ตบุ๊กเมื่อไม่ใช้งาน หรือเมื่อต้องการพักหน้าจอช่วงสั้น ๆ ให้ตั้ง Sleep Mode แทน ทั้งนี้ จะประหยัดไฟมากขึ้นหากเลือกใช้จอแบน และมีเครื่องหมาย Energy Star
  • ใช้กระดาษรีไซเคิลพรินต์ข้อมูลที่ไม่สำคัญ หรือใช้กระดาษทั้งด้านหน้าและด้านหลังให้คุ้ม ก็จะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันในการผลิตได้อีกมาก 
  • เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ที่ให้ความสว่างและประหยัดกว่าหลอดไฟทั่วไปกว่า 40% มีอายุการใช้งานนานกว่า ที่สำคัญยังช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 150 ปอนด์ต่อปี
  • ช่วยกันปลูกต้นไม้ เพื่อช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1 ตัน ตลอดอายุขัย ช่วยผลิตออกซิเจน แถมยังทำให้บ้านเย็นลงอีก 2-4%
  • เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ แทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว หากไปใกล้ ๆ เปลี่ยนมาใช้การเดินหรือปั่นจักรยานแทน 
วิธีประหยัดพลังงาน

นอกจากภาคประชาชนแล้ว ในฝั่งขององค์กรต่าง ๆ ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ต้นเหตุของโลกร้อนลงได้ ตัวอย่างเช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ให้ความสำคัญและช่วยผลักดันองค์กรพร้อมประเทศสู่ Net Zero ภายใต้วิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” หรือขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ที่ดำเนินการร่วมกันในกลุ่ม ปตท. คือ

  • Pursuit of Lower Emissions ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากที่สุด กำหนดเป้าหมายระยะสั้นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 15% จากปี 2020 ภายในปี 2030 ด้วยการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การนำเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) มาใช้, การนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ประโยชน์ (CCU) นำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในการผลิต และศึกษาการนำพลังงานไฮโดรเจนมาใช้ควบคู่กับก๊าซธรรมชาติ
  • Portfolio transformation ปรับกระบวนการทำธุรกิจ ลดการใช้พลังงานจากฟอสซิล และหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น เช่น พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ โดยตั้งเป้าให้มีพลังงานทดแทนเข้ามาในพอร์ตกว่า 12,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2030
  • Partnership With Nature and Society การปลูกและดูแลรักษาป่าไม้และพื้นที่สีเขียว โดยที่ผ่านมา ปตท. ได้ปลูกสำเร็จไปแล้ว 1 ล้านไร่ และมีแผนจะปลูกป่าเพิ่มร่วมกันในกลุ่ม ปตท. อีก 2 ล้านไร่ พร้อมวางแผนในการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการต่าง ๆ ร่วมกับคู่ค้าทางธุรกิจขององค์กร

อีกทั้งยังมีการนำการลดพลังงานมาใช้ในองค์กรและเห็นผลจริง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดแอร์ที่ 26°C เดินขึ้น-ลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์ และหมั่นบำรุงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ ช่วยประหยัดค่าไฟได้นับล้านบาทต่อปี ลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แถมยังช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมไปในตัว

เพราะปัญหาก๊าซเรือนกระจกไม่ใช่เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคนทั้งโลก แต่รวมไปถึงระบบนิเวศที่เป็นห่วงโซ่ชีวิตของพืชและสัตว์น้อยใหญ่ ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องจริงจังและร่วมมือกันทั้งภาคธุรกิจและประชาชน ลดการใช้พลังงานนำไปสู่การลดก๊าซเรือนกระจกให้เป็น “ศูนย์” ได้ในเร็ววัน

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดโลก Net Zero กับทางออกช่วยโลกง่าย ๆ อัปเดตล่าสุด 9 ตุลาคม 2565 เวลา 23:03:55 2,639 อ่าน
TOP