ย้อนโศกนาฏกรรม เครื่องบินตกคร่า 75 ชีวิตยกลำ พบนักบินให้ลูกลองขับเครื่องบิน

          ย้อนโศกนาฏกรรมช็อก เครื่องบินตกคร่า 75 ชีวิต ดับยกลำ หลังนักบินให้ลูกลองขับเครื่องบิน พบความผิดพลาดหลายจุด ไม่เห็นไฟเตือนเพราะไม่คุ้นเคยกับเครื่อง
          วันที่ 24 เมษายน 2567 เว็บไซต์ Ladbible พาไปย้อนเรื่องราวหนึ่งในโศกนาฏกรรมการบินที่น่าเศร้าที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีก่อน เมื่อเครื่องบินโดยสารของสายการบินแอโรฟลอต ถึงจุดจบพร้อม 75 ชีวิตบนเครื่อง โดยผลการสืบสวนในเวลาต่อมา ไม่พบความขัดข้องของเครื่องบิน แต่เหตุทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อนักบินปล่อยให้ลูก ๆ เข้ามาในห้องนักบิน  

          ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2537 เวลา 16.39 น. เครื่องบินแอร์บัส A310 เที่ยวบิน 593 ของสายการบินแอโรฟลอต ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติเชเรเมเตียโว ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย มุ่งสู่ท่าอากาศยานไคตั๊ก ของฮ่องกง พร้อมกับผู้โดยสาร 63 คน และลูกเรือ 12 คน โดยมี แอนดริว วิกโทโรวิช ดานิลอฟ นักบินชาวรัสเซีย เป็นกัปตันของการเดินทางครั้งนี้

          สำหรับกัปตัน แอนดริว วิกโทโรวิช ดานิลอฟ เป็นนักบินมากประสบการณ์ที่ทำการบินมาเกิน 9,500 ชั่วโมง ส่วนผู้ช่วยในเที่ยวบินนี้คือ อิกอร์ วาซิลเยวิช ปิสคาร์ยอฟ และ ยารอสลาฟ วลาดิมิโรวิช คูดรินสกี ซึ่งเป็นนักบินผู้ช่วยอาวุโส ที่มีชั่วโมงบินสูงเช่นกัน

          อย่างไรก็ตาม ต่อมาเครื่องบินลำนี้ประสบอุบัติเหตุตกลงในพื้นที่ภูเขาที่ห่างไกล ทางตอนใต้ของรัสเซีย ส่งผลให้ 75 คนบนเครื่องเสียชีวิตยกลำ แม้สาเหตุที่เครื่องบินตกจะยังเป็นปริศนาในช่วงแรกของการสืบสวน แต่ความจริงที่น่าสะพรึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น ได้ถูกค้นพบในขณะที่การสืบสวนดำเนินไป

เกิดอะไรขึ้นกันแน่ก่อนเครื่องบินตก ?

          ปรากฏว่าในช่วงเวลาไม่นานหลังเที่ยงคืนวันที่ 23 มีนาคม ขณะที่กัปตันกำลังพักผ่อน คูดรินสกีได้เข้ามาควบคุมเครื่องบินแทน โดยเขาถือโอกาสนี้เชิญลูก 2 คน ที่เดินทางมาในฐานะผู้โดยสาร ให้เข้ามายังห้องนักบินเพื่อสำรวจดูสถานที่ทำงานของพ่อ ทำให้ขณะนั้นในห้องนักบินมีคนอยู่ 3 คน คือนักบินทั้ง 3 และเด็ก 2 คน

          ในช่วงเวลานั้นเครื่องบินเปิดออโต้ไพลอตอยู่ เพื่อทำการบินอัตโนมัติไปยังจุดหมาย และผู้โดยสารส่วนใหญ่กำลังหลับใหล อย่างไรก็ตาม คูดรินสกีได้ปล่อยให้ลูกสาววัย 13 ปี และลูกชายวัย 15 ปี ผลัดกันเข้ามานั่งที่นั่งของตน และให้ทั้งคู่ลองใช้อุปกรณ์ควบคุมเครื่องบิน ซึ่งเดิมการควบคุมของเด็ก ๆ จะไม่ส่งผลใด ๆ เนื่องจากระบบออโต้ไพลอตเปิดอยู่ แต่ลูกชายของเขาเกิดทำให้ระบบออโต้ไพลอตหยุดการควบคุมอุปกรณ์ส่วนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว และนักบินก็พลาดที่ไม่เห็นไฟแจ้งเตือน เนื่องจากนักบินทั้งคู่ที่เคยบินกับเครื่องบินรัสเซียมาตลอด เพิ่งเปลี่ยนมาใช้เครื่องบิน A310 เพียงไม่นาน จึงยังไม่คุ้ยเคยกับระบบไฟเตือนของห้องนักบินประเภทนี้

          สิ่งที่เกิดขึ้นจากนั้นคือหายนะ เครื่องบินเริ่มเอียงขวาถึงมุม 45 องศา เมื่อถึงจุดนั้นระบบออโต้ไพลอตไม่สามารถรักษาระดับความสูงได้อีกต่อไป คูดรินสกีสั่งให้นักบินผู้ช่วยควบคุมเครื่องทันที ขณะที่ตัวเองพยายามนำลูกชายออกจากที่นั่งเพื่อที่เขาจะเข้ามาควบคุมเครื่องบิน แต่แม้จะเปลี่ยนที่นั่งกันแล้ว มุมเอียงกลับเพิ่มขึ้นเป็น 90 องศา

          เครื่องบินยังไม่สามารถขึ้นจากมุมที่ชันขนาดนั้น ในขณะที่พยายามรักษาระดับความสูงไว้ เครื่องเริ่มลดระดับลงอย่างรวดเร็ว แรง G-forces ที่เพิ่มขึ้นนับเป็นความท้าทายอย่างมากที่นักบินจะควบคุมเครื่อง ทั้งนี้ นักบินพยายามเชิดหัวเครื่องบินขึ้นและพยายามกู้สถานการณ์อีกหลายครั้ง แต่สุดท้ายเครื่องกลับลงเอยด้วยการหมุนวนและลดระดับลงมาต่ำกว่าระดับความสูงที่ปลอดภัยสำหรับการบิน สำหรับเส้นทางเหนือภูมิประเทศที่เป็นภูเขา

          ในเวลา 00.59 ทางศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศในเมืองโนโวคซเนทส์ ซึ่งอยู่ใกล้เคียง กำลังรอการอัปเดตตำแหน่งของเครื่องบินผ่านการส่งสัญญาณวิทยุจากเที่ยวบินดังกล่าว แต่สัญญาณไม่เคยมาถึง เครื่องบินลำนี้หายไปจากจอเรดาร์ของพวกเขาแล้ว โดยพบว่าในเวลา 00.58 น. เครื่องบินลำนี้ได้ตกกระแทกพื้นในพื้นที่ภูเขาคุซเนตสกี อลาทัว ทางตอนใต้ของรัสเซีย คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือ 75 ชีวิต ยกลำ ขณะที่ตัวเครื่องบินได้รับความเสียหายอย่างสมบูรณ์

          แม้เดิมทีทางสายการบินจะปฏิเสธเรื่องความผิดพลาดของนักบิน แต่ความจริงก็ได้ปรากฏในเวลาต่อมาเมื่อสำเนาข้อมูลการบันทึกเสียงจากห้องนักบินที่หลุดออกมา ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อท้องถิ่น
 

ขอบคุณข้อมูลจาก Ladbible, Aerotime